https://ojs.lib.buu.ac.th/index.php/business/issue/feedวารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา2024-07-04T04:15:04+00:00วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพาjournal.Libbuu@gmail.comOpen Journal Systemsวารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพาhttps://ojs.lib.buu.ac.th/index.php/business/article/view/10067การก่อหนี้และวิธีการจัดการหนี้สินที่ส่งผลต่ออิสรภาพทางการเงินของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่ง2024-07-04T02:50:04+00:00พรพรรณษา สุขรัตน์journalLibbuu@gmail.comกลางใจ แสงวิจิตรjournalLibbuu@gmail.comธนาวุธ แสงกาศนีย์journalLibbuu@gmail.comกุลวดี ลิ่มอุสันโนjournalLibbuu@gmail.com<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการก่อหนี้สินและวิธีการจัดการหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ เก็บแบบสอบถามจากสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่งที่มีสัญญาเงินกู้กับสหกรณ์ตั้งแต่ 2 สัญญาขึ้นไป เป็นจำนวน 370 ชุด มีการวิเคราะห์โดยการทดสอบสหสัมพันธ์ถดถอยแบบพหุคูณ โดยมีตัวแปรอิสระเป็น มูลเหตุการก่อหนี้สิน และการจัดการหนี้สิน และมีตัวแปรตามเป็นอิสระภาพทางการเงิน ผลสรุปจากการวิเคราะห์ พบว่า มูลเหตุการก่อหนี้จากความต้องการพื้นฐานมาจากด้านที่อยู่อาศัยมากที่สุด และเป็นมูลเหตุที่มีผลเชิงบวกต่อการมีอิสรภาพทางการเงินด้านความมั่งคั่ง ในส่วนมูลเหตุการก่อหนี้จากความต้องการปัจจัยอื่น ๆ พบว่า มูลเหตุด้านการเดินทางมีมากที่สุด แต่เป็นมูลเหตุที่มีผลเชิงลบต่อการมีอิสรภาพทางการเงินทั้งด้านความอยู่รอดและด้านความมั่งคั่ง ทั้งนี้สมาชิกมีวิธีการจัดการหนี้สินโดยการเพิ่มรายได้-ลดรายจ่ายมากที่สุด และเป็นวิธีที่มีผลเชิงบวกต่อการมีอิสรภาพทางการเงินทั้งด้านความอยู่รอดและด้านความมั่งคั่ง จากผลการศึกษาในครั้งนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่ออย่างมีคุณภาพให้ตรงกับความต้องการของสมาชิก และยังสามารถควบคุมการใช้จ่ายเงินให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการกู้ ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยลดปัญหาหนี้สิน และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้ The purpose of this research was to study debt formation and debt management methods of members of the Saving and Credit Cooperative Limited, who have two or more loan contracts. The researchers used questionnaires to collect data from a sample of 370 participants. The statistics for data analysis were multiple regression at a significance level of 0.05. The independent variables were debt formation and debt management, while the dependent variable was financial freedom. The findings revealed that the primary reason for incurring debt was household needs, which had a positive impact on financial freedom in terms of wealth. On the other hand, traveling was a main reason that had a negative impact on financial freedom in both survival and wealth aspects. Moreover, participants managed their debt by increasing their income and reducing their expenses. This method had a positive impact on financial freedom in both survival and wealth aspects. These findings can be utilized to develop a loan product that meets the members’ needs and to control members’ spending according to the loan’s purpose. This approach will be one management technique that reduces debt problems and improves members’ quality of life.</p>2024-07-04T00:00:00+00:00Copyright (c) 2024 https://ojs.lib.buu.ac.th/index.php/business/article/view/10068การศึกษาศักยภาพเพื่อสร้างรูปแบบเส้นทางท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยว โดยชุมชน ตำบลธารปราสาท อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา2024-07-04T03:00:33+00:00กิตติศักดิ์ กลิ่นหมื่นไวยjournalLibbuu@gmail.com<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชน และ 2) เพื่อสร้างรูปแบบเส้นทางท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลธารปราสาท อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม(Participatory Action Research: PAR) กลุ่มตัวอย่าง คือ นักท่องเที่ยวและประชาชนในชุมชนตำบลธารปราสาท จำนวน 400 คน เครื่องมือวิจัย คือ แบบสอบถามเพื่อถามนักท่องเที่ยวและประชาชน โดยการเก็บข้อมูลแบบสะดวก และแบบสัมภาษณ์เชิงลึกเพื่อสัมภาษณ์กลุ่มผู้นำชุมชน ซึ่งเป็นผู้ที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกและระดับนโยบายในการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลธารปราสาท จำนวน 12 คน โดยผ่านกิจกรรมการเสวนากลุ่มย่อย และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาเพื่อหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานรวมถึงการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่าศักยภาพด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลธารปราสาท อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา โดยรวมทั้ง 7 ด้านมีศักยภาพอยู่ในระดับมาก โดยชุมชนมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนในการตัดสินใจ การกำหนดทิศทางการท่องเที่ยว และมีส่วนร่วมในการวางแผนดำเนินกิจกรรรมและสร้างรูปแบบเส้นทางการท่องเที่ยวโดยชุมชน และร่วมรับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยเฉพาะทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่สำคัญทางแหล่งโบราณคดี ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนที่น่าสนใจ และการสร้างรูปแบบเส้นทางท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลธารปราสาท อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ได้รูปแบบเส้นทางท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจำนวน 2 เส้นทาง คือ เส้นทางที่ 1) เส้นทางการท่องเที่ยวเยือนอารยธรรมแหล่งโบราณคดี ไหว้ศาลปู่ตา เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น และ เส้นทางที่ 2) เส้นทางการท่องเที่ยวเยือนอารยธรรมแหล่งโบราณคดีคู่ลำน้ำธารปราสาท เรียนรู้วิถีถิ่นวิถีชุมชน This research aims to 1) study the potential of community-based tourism and 2) create a community-based tourism route model and activities in Than Prasat sub-district, Non Sung district, Nakhon Ratchasima province. This study is Participatory Action Research (PAR). A sample of 400 participants were tourists and local residents who live in Than Prasat sub-district community. The research tools were questionnaires applied by using a convenience sampling method with the tourists and local people, and an in-depth interview through a small group discussion with 12 community leaders who could provide some insight and policy-level data regarding the community-based tourism in Than Prasat sub-district. The collected data was analyzed by using descriptive statistics to find mean, standard deviation, and content analysis. The results showed that all 7 aspects of the potential of the community-based tourism in Than Prasat sub-district, Non Sung district, Nakhon Ratchasima province were at high levels. The community participated in the decision making in all sectors, set a direction for tourism, planned some activities, and created the community-based tourism route model. They also benefited from the community-based tourism, especially from the important cultural and historical heritage sites, traditions, lifestyles, and attractive local wisdoms. The creation of the community-based tourism route model and activities in Than Prasat Sub-district, Non Sung district, Nakhon Ratchasima province has developed 2 routes.</p>2024-07-04T00:00:00+00:00Copyright (c) 2024 https://ojs.lib.buu.ac.th/index.php/business/article/view/10069ตัวแบบสำหรับการพยากรณ์ผลการดำเนินงานตามเกณฑ์เงินสดด้วยตัวชี้วัดทางบัญชีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย2024-07-04T03:07:21+00:00พรทิวา แสงเขียวjournalLibbuu@gmail.com<p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาตัวชี้วัดทางบัญชีที่มีต่อผลการดำเนินงานตามเกณฑ์เงินสด เพื่อสร้างตัวแบบในการพยากรณ์ผลการดำเนินงานตามเกณฑ์เงินสด โดยศึกษาจากกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีการเปิดเผยข้อมูลเพียงพอต่อการศึกษา จำนวน 637 บริษัทจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ตัวแปรตามคือ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานตามเกณฑ์เงินสด ตัวแปรต้น ได้แก่ ผลการดำเนินงานตามเกณฑ์คงค้าง ต้นทุนทางการเงิน ส่วนแบ่งกำไรหรือขาดทุนจากบริษัทร่วม เครื่องมือทางการเงิน กำไรต่อหุ้น ความสามารถในการลงทุนต่อ ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย และความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ พบว่าผลการดำเนินงานตามเกณฑ์คงค้าง ต้นทุนทางการเงิน ส่วนแบ่งกำไรหรือขาดทุนจากบริษัทร่วม เครื่องมือทางการเงิน และกำไรต่อหุ้นมีอิทธิพลเชิงบวกต่อเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน และความสามารถในการบริหารสินทรัพย์มีอิทธิพลเชิงลบต่อเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 99 ส่วนความสามารถในการลงทุนต่อและความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยไม่มีอิทธิพลต่อเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน ทั้งนี้ผู้วิจัยได้นำเสนอผลการศึกษาดังกล่าวต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์หาฉันทามติจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 20 ราย ซึ่งผลการวิเคราะห์ แสดงให้เห็นว่า ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นสอดคล้องกับผลการศึกษาอย่างเป็นฉันทามติ This research aims to study accounting indicators which affect the performance in cash basis in order to create the model for forecasting the performance in cash basis. A researcher studied from 637 listed companies in the stock exchange of Thailand in all industry sectors which provided sufficient data. The dependent variable was the cash from operating activities that performed in cash basis. The independent are the performance in accrual basis, financial cost, profit sharing of associate companies, financial instruments, earnings per share, reinvestment ability, interest coverage ability and asset management ability. This study found that the significant positive effects of the performance in accrual basis, financial cost, profit sharing of associate companies, financial instruments and earnings per share on the cash from operating. There was a significant negative effect of asset management ability on the cash from operating activities at the confidential level 99%. However, the reinvestment ability and the interest coverage ability did not influence on the cash from operating activities. The researcher presented these findings to 20 experts for consensus and all the experts agreed with all findings.</p>2024-07-04T00:00:00+00:00Copyright (c) 2024 https://ojs.lib.buu.ac.th/index.php/business/article/view/10070รูปแบบการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (เมืองมรดกโลก)2024-07-04T03:22:02+00:00อัครวินท์ ศาสนพิทักษ์journalLibbuu@gmail.comนภสนันท์ ทองอินทร์journalLibbuu@gmail.comจตุพล ดวงจิตรjournalLibbuu@gmail.com<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุที่เดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมถึงศึกษารูปแบบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุและเพื่อเสนอแนวทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การวิจัยนี้ใช้วิธีการวิจัยแบบประสานวิธี โดยรวมการวิจัยเชิงปริมาณร่วมกับการวิจัยเชิงคุณภาพ การเก็บข้อมูลทำโดยใช้แบบสอบถามจากผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป จำนวน 400 ตัวอย่าง การสัมภาษณ์เชิงลึกกับบุคคลผู้ให้ข้อมูลหลักจำนวน 13 คน และการประชุมกลุ่มย่อยกับผู้แทนกลุ่มเป้าหมายจำนวน 20 คน ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างรับข่าวสารการท่องเที่ยวผ่านสื่อ Facebook และจากคนรู้จักมากที่สุด ส่วนใหญ่เดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดกับครอบครัวเพื่อการพักผ่อน ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจมาท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ สิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่ และการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวที่สะดวก การจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุควรพิจารณา 4 ปัจจัย ได้แก่ (1) ปัจจัยด้านการสนับสนุนการท่องเที่ยว (2) ปัจจัยด้านสร้างความเป็นพระนครศรีอยุธยา (3) ปัจจัยด้านการบริหารความร่วมมือ และ (4) ปัจจัยด้านนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ ข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดการท่องเที่ยว ได้แก่ (1) ควรทบทวนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (2) กำหนดประเด็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุเป็นวาระของจังหวัด (3) บูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคท้องถิ่น (4) พัฒนาและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ (5) พัฒนาฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเพื่อการวางแผน และ (6) ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ This research aims to explore the behaviors of elderly tourists who travel for health tourism, study health tourism patterns to accommodate elderly tourists, and propose guidelines for developing health tourism to support elderly tourists in Phra Nakhon Si Ayutthaya province. This research employs a mixed-method approach, combining quantitative and qualitative research. Data collection was conducted through questionnaires from 400 samples aged 50 and above, in-depth interviews with 13 key informants, and focus group discussions with 20 target group representatives. The research findings indicate that the sample group receives travel information mostly through Facebook and acquaintances. Most travel during holidays with their families for relaxation. The key factors influencing their decision to travel include facilities, location, and convenient access to tourist attractions. The management of health tourism to accommodate elderly tourists should consider four factors: (1) tourism support factors, (2) factors enhancing Phra Nakhon Si Ayutthaya's identity, (3) cooperation management factors, and (4) elderly tourist factors. Policy recommendations for tourism management include: (1) reviewing the health tourism development plan, (2) setting health tourism for the elderly as a provincial agenda, (3) integrating cooperation among government, private sector, civil society, and local communities, (4) developing and improving facilities suitable for the elderly, (5) developing a tourism database for planning, and (6) promoting appropriate publicity for elderly tourists.</p>2024-07-04T00:00:00+00:00Copyright (c) 2024 https://ojs.lib.buu.ac.th/index.php/business/article/view/10071อิทธิพลของโรคโควิด-19 กับปัจจัยเฉพาะของกิจการที่ส่งผลต่อการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย2024-07-04T03:27:01+00:00อัศวเทพ อากาศวิภาตjournalLibbuu@gmail.comบุญญานุช ชีวาเกียรติยิ่งยงjournalLibbuu@gmail.com<p>การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของโรคโควิด-19 ต่อปัจจัยเฉพาะของกิจการกับการจ่ายเงินปันผลและอิทธิพลของปัจจัยเฉพาะของกิจการต่อการจ่ายเงินปันผลและอิทธิพลทางอ้อมของโรคโควิด-19 ต่อการจ่ายเงินปันผลโดยมีปัจจัยเฉพาะของกิจการเป็นตัวแปรส่งผ่าน การวิจัยครั้งนี้ใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวนทั้งสิ้น 400 บริษัท โดยปัจจัยเฉพาะของกิจการวัดจากสภาพคล่อง ความสามารถในการชำระหนี้ ความสามารถในการทำกำไรและขนาดของกิจการในขณะที่การจ่ายเงินปันผลวัดจากผลตอบแทนจากเงินปันผลและอัตราส่วนการจ่ายเงินปันผล ข้อมูลที่ใช้เป็นข้อมูลทุติยภูมิ โดยเก็บข้อมูลจากงบการเงินรายปี ช่วงระยะเวลา 6 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 - พ.ศ.2565 โดยใช้การวิเคราะห์เส้นทาง Path Analysis ผลการศึกษาพบว่าโรคโควิด-19 ส่งอิทธิพลต่อปัจจัยเฉพาะของกิจการที่วัดจากสภาพคล่อง ความสามารถในการชำระหนี้ ความสามารถในการทำกำไรและขนาดของกิจการ และยังส่งผลไปที่การจ่ายเงินปันผลของกิจการ ตลอดจนปัจจัยเฉพาะของกิจการมีอิทธิพลต่อการจ่ายเงินปันผล นอกจากนั้นผลการวิจัยยังพบว่า โรคโควิด-19 มีอิทธิพลทางอ้อมต่อการจ่ายเงินปันผลโดยมีสภาพคล่องความสามารถในการทำกำไรและขนาดของกิจการเป็นตัวแปรส่งผ่าน ณ ระดับนัยสำคัญ 0.05 The purpose of this research study is to study the influence of COVID-19 on Business Specific Factors on Dividend Payments and the Influence of Business Specific Factors on Dividend Payments and the Indirect Effect of COVID-19 on dividend payment with Business specific factors of the Company as the transmission variable. This research uses a sample group of the listed company on the Stock Exchange of Thailand. Total 400 companies. The Business specific factors are measured from liquidity, ability to pay debts. profitability and size of business while dividend payment is measured by Dividend yield and dividend payout ratio. Data used as secondary data by collecting data from annual financial statements for a period of 6 years from 2017 - 2022 using path analysis. The study found that Coronavirus disease 2019 influences business specific factors as measured by liquidity, ability to pay debts, profitability. and size of business It also affects the dividend payment of the Company as well as business specific factors of the Company influencing the dividend payment. In addition, the research also found that the COVID-19 indirectly influenced the dividend payment. with liquidity Profitability and business size were the transmission variables at the 0.05 significance level.</p>2024-07-04T00:00:00+00:00Copyright (c) 2024 https://ojs.lib.buu.ac.th/index.php/business/article/view/10072Digital and Interactive Marketing: A Bibliometric Review and Research Agenda2024-07-04T03:38:37+00:00Subchat UntachaijournalLibbuu@gmail.comTotsaporn WorawongthepjournalLibbuu@gmail.comChanapha BastjournalLibbuu@gmail.com<p>This study aims to synthesize the existing literature on digital and interactive marketing in the garment business. To determine the top contributors to research in terms of authors, publications, nations, and institutions, this study looked at research articles pertaining to digital and interactive marketing in the garment sector. Open-source bibliometric tools like biblioshiny and VOSviewer were used in the study to examine the body of literature throughout the search period and to spot new prospective directions for research. Based on bibliometric data, it is evident that this research domain has garnered significant attention. The bibliometric analysis that was conducted on a sample of 191 research articles sourced from the Scopus database indicates that the top 10 journals account for 45 percent of the published literature within global trends in digital and interactive marketing research. This observation indicates a notable prevalence of research papers within these journals. Typically, the subject of research in question has been predominantly influenced by two nations, namely the United States and China, which have established robust co-authorship connections. The research articles in the sample set are predominantly contributed by the top 10 countries, which collectively represent more than seventy percent of the total. An analysis of the most commonly utilized author keywords reveals the following digital marketing exerts influence across various domains such as marketing, social media, commerce, human behavior, internet infrastructure, digital storage, human interaction, online social networking, communication, and electronic commerce.</p>2024-07-04T00:00:00+00:00Copyright (c) 2024 https://ojs.lib.buu.ac.th/index.php/business/article/view/10073Factors Influencing Male Consumers' Trust, E-WOM, Attitude, and Purchase Intention for Online Personalized Cosmetics Among Thai Online Shoppers2024-07-04T03:58:21+00:00Janisa WongsiriwacharakuljournalLibbuu@gmail.comSomsit DuangekanongjournalLibbuu@gmail.com<p>The purpose of this study is to establish the purchase intentions of male Thai Facebook users in the cosmetics sector, with a view to examining how they are related to factors which theoretically influence consumer behaviour. The research used probability sampling and non-probability sampling. Moreover, the sample was scoped and selected by using the multistage sampling technique of judgmental sampling, stratified sampling, then once again with judgmental sampling follow by convenient sampling and snowball sampling. The research focused on male Facebook members with more than one year of membership year as well as the participants must be a member of any Facebook cosmetics fan pages. The data collection was conducted using self-administered online questionnaires. The findings confirmed the significant impacts were between the need for uniqueness and attitude toward online shopping. The factors that impacting was E-WOM on online purchase intention, attitude toward product on E-WOM, attitude toward product on online purchase intention, attitude toward online shopping on online purchase intention. These findings provide valuable insights for beauty firms, E-retailers, marketers, and academia, emphasizing the importance of consumer purchase intentions in shaping successful marketing strategies and adapting to global competition.</p>2024-07-04T00:00:00+00:00Copyright (c) 2024 https://ojs.lib.buu.ac.th/index.php/business/article/view/10074การจำแนกประเภทและการทบทวนวรรณกรรมในการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้ยุทธศาสตร์การศึกษาเพื่อสร้างทฤษฎี: กรณีศึกษาจากโครงการวิจัยในประเทศไทยด้วยการศึกษาแบบการทบทวนวรรณกรรมแบบไม่ใช้ระบบ2024-07-04T04:03:04+00:00นันทนา ชวศิริกุลฑลjournalLibbuu@gmail.comตระกูล จิตวัฒนากรjournalLibbuu@gmail.comนพพงศ์ เกิดเงินjournalLibbuu@gmail.comจำเนียร จวงตระกูลjournalLibbuu@gmail.com<p>การวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้ยุทธศาสตร์การศึกษาเพื่อสร้างทฤษฎี (Grounded Theory: GT) เป็นยุทธศาสตร์การวิจัยที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การวิจัยที่มีหลายรูปแบบ และในแต่ละรูปแบบก็จะมีประเด็นการทบทวนวรรณกรรมก่อนการดำเนินการวิจัยที่แตกต่างกัน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการศึกษา (1) ประเภทของ GT (2) ประเภทของการทบทวนวรรณกรรมก่อนการดำเนินการวิจัยในแต่ละประเภทของ GT และ (3) การระบุประเภทของ GT และการระบุและอธิบายการทบทวนวรรณกรรมก่อนดำเนินการวิจัย ในแต่ละรูปแบบของ GT ที่มีการศึกษาในประเทศไทยในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา (2556-2565) โดยในการศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการศึกษาแบบการทบทวนวรรณกรรมแบบไม่ใช้ระบบ (Non-systematic Literature Review) ผลการศึกษา พบว่า ร้อยละ 100 ของโครงที่ศึกษา ไม่ได้ระบุประเภทของ GT และไม่ได้ระบุประเภทของการทบทวนวรรณกรรมก่อนการดำเนินการวิจัยในแต่ละประเภทของ GT และพบว่า มีประมาณร้อยละ 83 ของโครงการวิจัยที่ศึกษาที่ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นหลักของการศึกษาเลยทั้งสองประเด็น มีประมาณร้อยละ 17 ของโครงการวิจัยที่ศึกษาที่ได้กล่าวถึงประเด็นที่หนึ่งของประเด็นหลักของการศึกษา และมีร้อยละ 100 ของโครงการวิจัยที่ศึกษาที่ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นที่สองของประเด็นหลักของการศึกษา จึงมีข้อเสนอแนะให้นักวิจัยที่จะดำเนินการวิจัย GT ได้ทำการศึกษาและทำความเข้าใจในการวิจัย GT ให้ชัดเจนก่อนดำเนินการวิจัย This paper aims to study the conduct of grounded theory (GT) qualitative research strategy with three main objectives: (1) the classification of GT strategies; (2) the literature review prior to conducting each type of the GT strategy; (3) the application of the two concepts of GT classification and the use of literature review in the GT research projects conducted in Thailand during the past 10 years (2013-2022). This study applied a Non-systematic literature review as the method of the study. It was found that 100 percent of the projects studied failed to apply the two main issues of the purposes of this study in the research projects. There were approximately 83 percent of the projects studied failed to mention about the two main issues of the purposes of this study. There were only approximately 17 percent of the projects studied that mentioned about the first issue of the purposes of this study. There were 100 percent of the projects studied that did not mention about the second issue of the purposes of this study. It was recommended that researchers should study to ensure the thorough understanding of the GT research methods prior to conducting the GT research project.</p>2024-07-04T00:00:00+00:00Copyright (c) 2024