รูปแบบการพัฒนาประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

Authors

  • นิตยา มั่นชำนาญ
  • สิทธิพร นิยมศรีสมศักดิ์
  • สุขุม มูลเมือง

Keywords:

โรงเรียน, การบริหาร, โรงเรียนมัธยมศึกษา, กระบวนการพัฒนาโรงเรียน

Abstract

         การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารูปแบบการพัฒนาประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยใช้เทคนิคเดลฟายจากผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการศึกษา จำนวน 24 คน 2) ตรวจสอบความเหมาะสมของข้อมูลเชิงประจักษ์กับรูปแบบการพัฒนาประสิทธิผล และ 3) เปรียบเทียบความสอดคล้องของข้อมูลเชิงประจักษ์กับรูปแบบการพัฒนาประสิทธิผล จำแนกตามรูปแบบสมมติฐาน 2 รูปแบบ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ จำนวน 262 โรงเรียน โดยใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน         ผลการวิจัย พบว่า 1) รูปแบบการพัฒนาประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ คือ (1) ด้านการปรับตัว ประกอบด้วย ความสามารถในการปรับตัวการใช้นวัตกรรมในการบริหาร ความก้าวหน้าขององค์การ การพัฒนาคุณภาพขององค์การอย่างต่อเนื่อง (2) ด้านการบรรลุเป้าหมาย ประกอบด้วย ผลสัมฤทธิ์หรือความสำเร็จ คุณภาพขององค์การการได้มาซึ่งทรัพยากร ประสิทธิภาพของการทำงานขององค์การ (3) ด้านการบูรณาการ ประกอบด้วย ความพึงพอใจในการทำงาน บรรยากาศองค์การ การติดต่อสื่อสาร การแก้ปัญหาความขัดแย้งและ (4) ด้านคุณธรรมจริยธรรม ประกอบด้วย ความจงรักภักดีของบุคลากรต่อองค์การ การกำหนดเป้าหมายในชีวิต การจูงใจในการทำงาน และความเป็นตัวของตัวเองของบุคลากร 2) รูปแบบการพัฒนาประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่มีความเหมาะสมและมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ในเกณฑ์ดี โดยพิจารณาจากค่า GFI เท่ากับ .903 ค่า NFI เท่ากับ .961 ค่า CFIเท่ากับ .978 ค่า AGFI เท่ากับ .860 และค่า RMSEA เท่ากับ .07 มีความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้างโดยพิจารณาจากความเที่ยงตรงเชิงลู่เข้าและความเที่ยงตรงเชิงจำแนก ซึ่งพิจารณาจากค่า CR มีค่าระหว่าง .91 ถึง .95 ค่า AVE มีค่าระหว่าง .73 - .84 ค่า  อยู่ระหว่าง .77 - .97 และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 มีค่าสัมประสิทธิอัลฟาของครอนบาค ระหว่าง .91 - .95 แสดงว่ามีความเที่ยงตรงเชิงลู่เข้า นั่นคือตัวแปรทุกตัวสามารถวัดได้ตรงตามโครงสร้างจริง และองค์ประกอบทุกคู่มีความแตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 แสดงว่าองค์ประกอบมีค่าความเที่ยงตรงเชิงจำแนกนั่นคือ ทุกองค์ประกอบมีความแตกต่างกัน 3) รูปแบบสมมติฐานที่ 2 มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์มากกว่ารูปแบบที่ 1 นั่นคือ รูปแบบการพัฒนาประสิทธิผลโรงเรียนที่พัฒนาจากทฤษฎีได้รับการยืนยันว่าสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์          The purpose of this research were: 1) to study a model of developing school effectiveness for large-sized secondary schools under the Office of Basic Education Commission by using Delphi technique using 24 specialist participants in educational administration, 2) to investigate suitability between observation and developing models, 3) to compare two hypotheses between observation and developing models. The samples used were 262 schools and the statistical device was Confirmatory Factor Analysis. The results showed that: 1) the model of developing school effectiveness consisted of four factors: (1) Adaptation consisting of adaptability, innovation, growth, and continuing quality improvement, (2) Goal Attainment consisting of achievement, quality, resource acquisition, and efficiency, (3) Integration consisting of satisfaction, climate, communication, and conflict resolution, (4) Latency consisting of loyalty, setting life goals, motivation, and identity. 2) The developed model was suitable and fitting by considering that Goodness of fit measures were GFI = .903, NFI = .961, CFI = .978, AGFI = .860, and RMSEA = .07. The model had constructed validity by considering that convergent validity, convergent and discriminating validities were at 9.1〈CR〈.95, .73〈AVE〈.84, .77〈  〈.97 and at .01 level of statistical significance. Cronbach’s alpha coefficient was .91 - .95. The result indicated that convergent validity was reliable, and every variable was exactly measured. Every couple of factors was significantly at .05 levels and it revealed that the reliability of factors had discriminating validity and every factor was different. 3) The second hypothesis model was more suitable to Goodness of fit than the first one. The model of developing school effectiveness through theory had been verified to confirm the Goodness of fit.

Downloads