ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญในภาคตะวันออก
Keywords:
โรงเรียนเอกชน, การบริหาร, โรงเรียน, ภาคตะวันออก, ประสิทธิผลองค์การAbstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนประเภท สามัญในภาคตะวันออก และเพื่อสร้างแบบจำลองความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญในภาคตะวันออก กลุ่มตัวอย่างเป็นครูผู้สอนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญในภาคตะวันออกปีการศึกษา 2551 จำนวน 960 คน โดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน และตัวแปรต้นที่ศึกษา ได้แก่ปัจจัยด้านพฤติกรรมการบริหารของผู้นำ บรรยากาศของโรงเรียน วัฒนธรรมของโรงเรียน คุณภาพชีวิตในการทำงาน การสื่อสาร และความผูกพันของครู โดยตัวแปรด้านประสิทธิผลของโรงเรียนเป็นตัวแปรตาม เครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรม SPSS ในการหาสถิติขั้นพื้นฐาน และใช้โปรแกรม LISREL Version 8.54 ในการสร้างและตรวจสอบแบบจำลองปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญในภาคตะวันออก ผลการวิจัยพบว่า แบบจำลองปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญในภาคตะวันออกมีค่าดัชนีความกลมกลืนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ดีและสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยพิจารณาจากค่า Chi-Square = 828.25, df = 428, p-value = 0.000, Relative Chi-Square = 1.94, ค่า GFI = 0.95, ค่า AGFI = 0.91, ค่า SRMR = 0.027, ค่า RMSEA = 0.034 และค่า CFI = 1.00 ซึ่งสามารถพยากรณ์ ประสิทธิผลของโรงเรียนได้ร้อยละ 60 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญในภาคตะวันออก เรียงลำดับตามค่าอิทธิพลจากมากไปน้อยมีทั้งหมด 6 ปัจจัย คือพฤติกรรมการบริหารของผู้นำ ปัจจัยบรรยากาศของโรงเรียน ปัจจัยวัฒนธรรมของโรงเรียน ปัจจัยคุณภาพชีวิตในการทำงาน ปัจจัยการสื่อสาร และปัจจัยความผูกพันของครู The purposes of this study were to analyze factors affecting the effectiveness of private basic education institutions and to develop the linear structural equation model of factors affecting the effectiveness of private basic education institutions in the east of Thailand .The sampling was done by means of multi-stage random sample, and consisted of 960 teachers from private basic education institutions in the east of Thailand in the 2008 academic year. There were seven variables; administrative behaviors of leaders, school climate, school culture, teacher’s quality of work life, communication, teachers’ commitment, and school effectiveness. The research instrument was 5 rating scale questionnaires on the theory of school effectiveness. Data were analyzed by descriptive statistics by using SPSS and LISREL 8.54 to develop and validate the factors affecting the effectiveness of private basic education institutions in the east of Thailand. The findings revealed that the adjusted model was consistent with empirical data. Goodness of fit measures were found to be Chi-square = 828.25, df = 42, p-value = 0.000, Relative Chi-square = 1.94, GFI = 0.95, AGFI = 0.91, SRMR = 0.027, RMSEA = 0.034, CFI = 1.00. The variables in adjusted model could predict the effectiveness of private basic education institutions in the east of Thailand by 60 percent with statistical significance. The six variables affecting the effectiveness of private basic education institutions in the east of Thailand ranging from high to low were: leadership behaviors of Administrators, school climate, school culture, teacher’s quality of work life, communication, and teachers’ commitment.Downloads
Issue
Section
Articles