การพัฒนาประสิทธิผลทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เรื่องการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ในการทดลองเสมือน

Abstract

            การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาประสิทธิผลทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องการแยกสารในด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการโดยใช้การทดลองเสมือนเรื่องการแยกสาร ที่ประกอบด้วยขั้นตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอนได้แก่ 1) สร้างความสนใจ 2) สำรวจและค้นหา 3) อธิบายและลงข้อสรุป 4) ขยายความรู้ 5) ประเมิน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 40 คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่ายที่มีห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้วิจัยคือ การทดลองเสมือนเรื่องการแยกสาร แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การทดสอบสมติฐาน การวิจัยครั้งนี้ใช้สถิติคือ สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ E1/E2ไม่น้อยกว่าเกณฑ์ 80/80 และสถิติ t-test for dependent samples           ผลการวิจัยพบว่า การทดลองเสมือนเรื่องการแยกสาร มีประสิทธิภาพ 82.13/80.89 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ นักเรียนที่เรียนรู้ด้วยการทดลองเสมือนเรื่องการแยกสาร มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการแยกสารและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05            The purpose of this research was to develop a learning science efficiency in separation techniques in terms of learning achievement and integrated science process skills with virtual experiment using inquiry method 1) engagement 2) exploration 3) explanation 4) elaboration 5) evaluation. The sample group consisted of 40 students mathayomsuksa 2 Bangkok Christian College during the second semester of the academic year 2013. These students were selected by the method of simple random sampling. The tools employed in this research include the virtual experiment in separation techniques, a learning achievement test, and science process skill test. Statistics for analysis include descriptive statistics: percentage, mean, and standard deviation and statistics for analysis effective of the virtual experiment using E1/E2 which should not be less than 80/80 and t-test for dependent samples.            The results of the research were concluded as follows the virtual experiment in separation techniques gained the effectiveness rate of 82.13/80.89 which reaches the criteria. Students who study by using the virtual experiment had significantly higher learning achievement and integrated science process skills than before at the .05 level.