แบบทดสอบมาตรฐานทักษะฟุตบอล

Abstract

กีฬาฟุตบอลในยุคโลกาภิวัตน์ เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญต่อเยาวชนเพราะช่วยเสริมสุขภาพพลานามัยให้เข็งแรงสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ตลอดจนช่วยพัฒนาบุคลิกภาพให้เป็นผู้ที่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีความสามัคคี รักหมู่คณะ ทำให้เยาวชนเติบโตขึ้นเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าของชาติ กีฬาฟุตบอล เป็นกีฬายอดนิยมของประชาชนคนไทย และทั่วทุกมุมโลก ดังปรากฏในการแข่งขันฟุตบอลโลก ในประเทศไทยหลักสูตรอุดมศึกษา เปิดสอนวิชาฟุตบอลเป็นวิชาเอกในวิทยาลัยพลศึกษา 17 แห่ง สถาบันราชภัฏ 26 แห่ง และมหาวิทยาลัย 9 แห่ง รวม 52 แห่ง ทั่วประเทศ และเปิดเป็นวิชาพื้นฐานให้นิสิตเอกอื่น ๆ ได้เรียนทุกเทอมด้วยการวัดและประเมินผล เป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งของกระบวนการเรียนการสอน เพื่อให้ทราบถึงความก้าวหน้าของการเรียนและกิจกรรมว่าบรรลุเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวัดและการประเมินผลทักษะฟุตบอล เป็นการวัดผลเชิงปฏิบัติย่อมเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าหรือการพัฒนา ผู้วิจัยเห็นความ สำคัญของแบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานของการวัดผลทักษะฟุตบอล จึงได้พัฒนาแบบทดสอบเรื่อยมาเป็นลำดับ เพื่อเป็นหลักเกณฑ์กลางที่ครู อาจารย์ โค้ช นิสิต นักศึกษาหรือ ผู้สนใจ สามารถนำไปใช้ได้อย่างสะดวก จากผลการวิจัยครั้งนี้เหลือเพียงแบบทดสอบการส่งลูกซึ่งของประโยค แต่สามารถใช้วัดผลแทน 7 กลุ่มทักษะได้ หรือเป็นตัวแทนวัดผลทักษะฟุตบอลได้ตามความเหมาะสม โดยปกติแบบทดสอบการส่งลูกซึ่งของประโยคนี้สามารถใช้วัดผลนิสิต จำนวน 40 คน ได้ภายในเวลา ไม่เกิน 100 นาที และใช้เป็นตัวทำนายความเป็นเลิศของผู้เล่น การจัดตำแหน่งและหน้าที่ในการเล่น ซึ่งเป็นตัวกำหนดเปรียบเทียบหรือวินิจฉัยว่า นิสิตคนใดเก่งไม่เก่ง ใช้เป็นตัววัดความก้าวหน้าของผู้เรียน การแบ่งกลุ่ม การให้คะแนน การให้เกรด การสร้างแรงจูงใจ การวิเคราะห์ การปฏิบัติการ (Lab) การเป็นโค้ช การแข่งขันและการวิจัยในระดับอุดมศึกษา ทั้งนี้เพื่อให้ครู อาจารย์ โค้ช นักกีฬา และผู้สนใจสามารถใช้เป็นข้อสอบในการสอบและเป็นเกณฑ์มาตรฐานในการวัดและประเมินผลวิชาทักษะฟุตบอลระดับอุดมศึกษาไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลด้านการศึกษาสืบต่อไป