ปัจจัยที่ส่งผลต่อการกระทำผิดเกี่ยวกับคดียาบ้าของผู้ต้องขัง: กรณีศึกษา เรือนจำพิเศษพัทยา
Keywords:
เรือนจำพิเศษพัทยา, ความผิด, กฎหมาย, นักโทษ, ยาบ้าAbstract
บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการกระทำผิดในคดียาบ้าของเรือนจำพิเศษพัทยา และต้องการศึกษาถึงมาตรการฟื้นฟูผู้ต้องขังในคดียาบ้าของเรือนจำพิเศษ เป็นการวิจัยศึกษาในทางเชิงปริมาณ เก็บรวบรวมแบบสอบถามจากผู้ต้องขังกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 359 คน เป็นผู้ต้องขังชายจำนวน 307 คน และผู้ต้องขังหญิงจำนวน 52 คน ผลการศึกษาพบว่า 1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการกระทำผิดเกี่ยวกับคดียาบ้าของผู้ต้องขังเพศชาย มีการเสพยาบ้าและกระทำผิดเกี่ยวกับคดียาบ้ามากกว่าผู้ต้องขังเพศหญิง ผู้ต้องขังที่มีอายุ 30 ปี มีการกระทำผิดเกี่ยวกับคดียาบ้ามากเป็นอันดับ 1 ผู้ต้องขังที่จบการศึกษาระดับประถมศึกษา มีการกระทำผิดเกี่ยวกับคดียาบ้ามากที่สุดถึงร้อยละ 52 และผู้ต้องขังที่มีสถานภาพโสด มีการกระทำผิดเกี่ยวกับคดียาบ้ามากที่สุดที่ร้อยละ 59.3 และยังพบว่า ผู้ต้องขังที่นับถือศาสนาพุทธ เป็นผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับคดียาบ้ามากถึงร้อยละ 97.2 ผู้ต้องขังที่มีรายได้ปานกลางคือตั้งแต่ 5000 บาทแต่ไม่ถึง 10000 บาท เป็นผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับคดียาบ้ามากที่สุด ผู้ต้องขังส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างทั่วไปและเป็นอาชีพที่มีการกระทำผิดเกี่ยวกับคดียาบ้าเป็นอันดับ 1 และในสถานลำดับของบุตรคนแรก พบว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับคดียาบ้ามากที่สุดด้วย 2. มาตรการฟื้นฟู ผู้ต้องขังส่วนใหญ่เห็นว่าเรือนจำพิเศษพัทยามีความสกปรกเป็นอันดับ 1 และขาดการบำบัด พัฒนาด้านยาเสพติด เป็นอันดับต่อมา 3. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการฟื้นฟู อันดับแรกผู้ต้องขังส่วนใหญ่เสนอให้มีการจัดการฟื้นฟูด้านพฤติกรรมของผู้ต้องขังโดยให้แยกตามรายคดี อันดับที่ 2 ต้องการให้มีการอบรมฟื้นฟูความรู้ความเข้าใจในด้านกฎหมาย อันดับที่ 3 ต้องการให้มีกิจกรรมยามว่างเพื่อรักษาความสะอาดภายในเรือนจำและความต้องการท้ายสุด คือ การอบรมด้านการศึกษาและอาชีพ การจะแก้ไขปัญหาการกระทำผิดเกี่ยวกับคดียาบ้าของผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษพัทยานั้น ต้องเกิดจากการร่วมมือ ร่วมแรงทั้งกายและใจของผู้คนหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และภาคประชาชน สิ่งที่สำคัญ ครอบครัวต้องให้โอกาสและสังคมต้องให้การยอมรับพวกเขาเหล่านั้นกลับคืนสู่สังคมที่ดีได้อย่างปกติสุข This article aims to reveal the study on factors which influence the wrongdoings in amphetamine lawsuit of the special prison. The author also aims wishes to study the measure in rehabilitating the prisoners in amphetamine cases of Pattaya City. This research is a quantitative method conducted by collecting questionnaires from 359 prisoners. Among them, 307 prisoners are male and 52 prisoners are female. The study reveals the following: 1. The factors which influence the wrongdoings on amphetamine cases: there are more male prisoners who use amphetamine and commit wrongdoings on amphetamine case than female prisoners. The most common is that the prisoners who are more than 30 years old commit wrongdoings on amphetamine case. The prisoners who study in the primary school commit wrongdoings on amphetamine case as many as 52%. The numbers of prisoners who are single who commit wrongdoings on amphetamine case are as many as 59.3%. It is also found that the prisoners who believe in Buddhism commit wrongdoings on amphetamine case as many as 97.2%. The prisoners who earn from 5000 – 10000 baht ranked the first in committing wrongdoings on amphetamine case. Most of the prisoners are wage earners. They are ranked the first in committing wrongdoings on amphetamine case. Also, the first child of the family ranks the first in committing wrongdoings on amphetamine case. 2. The rehabilitation measures: most of the rehabilitating opines that the special prison of Pattaya is the dirtiest. Secondly, it lacks the development on rehabilitation. 3. The suggestions about the rehabilitation measures: (1) most of the prisoners for better management on rehabilitation for rehabilitating to be categorized according to the cases; (2) they demand for education on rehabilitation.Downloads
Issue
Section
Articles