ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อผลประกอบการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคอุตสาหกรรม ในประเทศไทย

Abstract

           วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นั้นมีบทบาทสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ ประเทศไทย โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศในระยะยาว ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้นโดยลดการพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม  SMEs ภาคอุตสาหกรรมยังคงประสบปัญหาในการเสริมสร้างความเจริญเติบโตในธุรกิจเมื่อเปรียบเทียบกับความเจริญเติบโตของผลประกอบการในภาคการค้า และภาคบริการซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่า ดังนั้น  งานวิจัยฉบับนี้จึงมุ่งเน้นการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลประกอบการของ SMEs ภาคอุตสาหกรรมโดยใช้กรอบทฤษฎีด้านทรัพยากรองค์การและทฤษฎีนิเวศประชากรองค์การ งานวิจัยนี้ใช้การวิจัยแบบผสานวิธี โดยใช้หลัก สถิติวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นพหุซึ่งใช้ข้อมูลทุติยภูมิเพื่อหาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ SMEs ภาคอุตสาหกรรมและวิเคราะห์สาเหตุของปัจจัยนั้น ๆ โดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกร่วมด้วย รวมถึง อภิปรายผลลัพธ์ของข้อค้นพบทั้งจากวิธีการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ ตลอดจนเสนอแนะแนวทางสาหรับกำหนดนโยบายเพื่อสนับสนุนให้ SMEs ภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยสามารถพัฒนาต่อไปได้           SMEs have an essential role in driving the economy of Thailand, especially the manufacturing sector. Manufacturing SMEs are regarded as a significant sector for long-term development because they can play an important role in sustainable economic development, which can reduce the dependency on foreign investment. However, manufacturing SMEs suffer from low performance compared to SMEs in the service and trade sector. Therefore, this research aimed to study the factors affecting the performance of manufacturing SMEs based on organizational resource theory, such as the resource-based view and population ecology theory. The research design was mix-method, composed of multiple linear regression and in-depth interviews. The quantitative method used identified the factors affecting the performance of manufacturing SMEs, and the qualitative method aimed to confirm, expand, and explain the reasons why these factors have an influence on firm performance. In the last section, the findings from the two methodologies will be discussed and recommendations for government agencies will be presented.