ความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานรากในการพึ่งพาตนเองของวิสาหกิจชุมชนในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย

A Sturdiness to Self-Reliance of Community-Based Enterprises of The Central Region of Thailand

Abstract

การวิจัยเรื่องความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานรากในการพึ่งพาตนเองของวิสาหกิจชุมชน ในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับศักยภาพในการพึ่งพาตนเองของวิสาหกิจชุมชน ในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย และศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อระดับศักยภาพในการพึ่งพาตนเองของวิสาหกิจชุมชน ในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ สมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเฉพาะภาคกลางในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสระบุรี และจังหวัดอ่างทอง จำนวน 1,038 ตัวอย่าง ทำการศึกษาโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ผลมีสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุ โดยกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการศึกษาสรุปได้ว่า 1. ศักยภาพในการพึ่งพาตนเองของวิสาหกิจชุมชน ในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทั้ง 3 ประเด็น สามารถเรียงลำดับจากมากไปน้อยได้ดังนี้ ด้านประสิทธิภาพของการดำเนินงาน รองลงมาคือ ด้านคุณภาพสินค้าและบริการ และด้านประสิทธิผลตามภารกิจของวิสาหกิจชุมชน ตามลำดับ 2. ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก (Context) ด้านสภาวะเศรษฐกิจ และด้านนโยบายรัฐบาล มีอิทธิพลทางบวกกับระดับศักยภาพในการพึ่งพาตนเองของวิสาหกิจชุมชนในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ปัจจัยภายใน (Input) ด้านความพร้อมด้านสถานที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ ด้านความรู้ความสามารถและจำนวนของบุคลากร และด้านความเพียงพอของงบประมาณและความคล่องตัวในการใช้ มีอิทธิพลทางบวกกับระดับศักยภาพในการพึ่งพาตนเองของวิสาหกิจชุมชนในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 4. กระบวนการทำงานของวิสาหกิจชุมชน (Process) ด้านการบริหารการตลาด ด้านกระบวนการจัดการสินค้าและบริการ ด้านการจัดการการเงินและบัญชี ด้านการบริหารสมาชิกวิสาหกิจชุมชน และด้านการวางแผนดำเนินงาน ตามลำดับมีอิทธิพลทางบวกกับระดับศักยภาพในการพึ่งพาตนเองของวิสาหกิจชุมชนในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05  This research has the objectives to study A sturdiness to self-reliance of community-based Enterprises of the central region of Thailand and to explore the factors affecting to a sturdiness to self-reliance of community-based Enterprises of the central region of Thailand. The samples of this research were 1,038 member community-based Enterprises in Suphanburi Province, Lopburi Province, Ayutthaya province. Saraburi and Ang Thong Province. The instrument used in this study was a questionnaire. The statistics used in data analysis composed of frequency, percentage, mean and standard deviation. Multiple regression analysis (MRA) with coefficient of determination (R2) at statistical significance of .05 were used for hypothesis test. The result showed that: 1. For the exploration of a sturdiness to self-reliance of community-based Enterprises of the central region of Thailand was at a high level in overall. When each aspect was examined, it was found that, in every aspect, the level of sturdiness to self-reliance was high. Among all the aspects, the highest-rated aspect was Operational efficiency followed by product and service quality and performance respectively. 2. Context factors include economy and government policy were Significantly influencing to a sturdiness to self-reliance of community-based Enterprises of the central region of Thailand at the 0.05 level. 3. Input factors include workplace and material, Knowledge and adequacy of personnel. and adequacy of budget were Significantly influencing to a sturdiness to self-reliance of community-based Enterprises of the central region of Thailand at the 0.05 level. And 4. Process factors include Marketing Management, process of handling goods and services, Financial and accounting management, Community Enterprise Membership Management, and planning were Significantly influencing to a sturdiness to self-reliance of community-based Enterprises of the central region of Thailand at the 0.05 level.