ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการจัดการของครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคหอบหืดวัยผู้ใหญ่ โรงพยาบาลบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

Factors influencing family management in families with asthmatic adult in Bangphli Hospital Samut Prakarn Province

Abstract

การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ปัจจัยที่สามารถร่วมทํานายการจัดการของครอบครัว ผู้ป่วยโรคหอบหืดวัยผู้ใหญ่ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้ป่วยโรคหอบหืดที่มีอายุ 20 - 59 ปี ของโรงพยาบาลบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จํานวน 101 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถาม ประกอบด้วยแบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วยและครอบครัว แบบสอบถามความรุนแรงของโรค แบบสอบถามการสนับสนุนจากครอบครัว แบบสอบถามการสื่อสารในครอบครัว และแบบสอบถามการจัดการของครอบครัว วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคุณแบบขั้นตอน  ผลการวิจัยพบว่า การจัดการของครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคหอบหืดวัยผู้ใหญ่ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อแยกเป็นรายด้านพบว่าการจัดการ ด้านการรักษา ด้านจิตสังคม ด้านบทบาทหน้าที่และ ด้านเศรษฐกิจอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับน้อย ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการจัดการของครอบครัวผู้ป่วยโรคหอบหืดวัยผู้ใหญ่ คือ การสนับสนุนจากครอบครัวและการสื่อสารใน ครอบครัวโดยสามารกร่วมกันทำนายการจัดการ ของครอบครัวผู้ป่วยโรคหอบหืดวัยผู้ใหญ่ได้อย่างมีนัย สำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสามารถอธิบายการผันแปรได้ร้อยละ 46 ผลการศึกษานี้เสนอว่าการจัดการของครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคหอบหืดวัยผู้ใหญ่ ควรเน้นที่การส่งเสริมให้มีการสนับสนุนและการสื่อสารที่ดีในครอบครัว  The purpose of this study was to examine the prediction of family management of families with adult asthmatic disease. The sample consisted of 101 asthmatic patients aged 20 - 59 year in Bangphli Hospital Samut Prakarn province, Statistical methods used for data analysis included mean, standard deviation, Pearson’s product moment correlation coefficient and stepwise multiple regression analysis.  The result showed that family management was it moderate level. The management of medication, psycho-social, role function, and finance were at moderate level, while environmental management was at low level. Family support and family communication significantly predicted the family management and explained 46% of the variance. The findings suggest that nursing intervention should emphasize the promotion of family support and family communication.