เจตคติ บรรทัดฐานกลุ่มอ้างอิง และความตั้งใจในการปฏิบัติเพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพงาน ผู้ป่วยนอก

Attitude, Subjective Norms and Practical Intentions for Patient Advocacy of Professional Nurses in the Out Patient Department in Hospitals under Bangkok Metropolitan Administration

Abstract

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่าง เจตคติ บรรทัดฐานกลุ่มอ้างอิง กับความตั้งใจในการปฏิบัติเพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วย และตัวแปรที่สามารถทํานายความตั้งใจในการปฏิบัติ เพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพ งานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างคือ พยาบาลวิชาชีพงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร จํานวน 170 คน สุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง ประกอบด้วย แบบสอบถาม เจตคติต่อการปฏิบัติเพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วย แบบสอบถามบรรทัดฐานกลุ่มอ้างอิงเกี่ยวกับ การปฏิบัติเพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วย และแบบสอบถามความตั้งใจในการปฏิบัติเพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วย โดยตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาและหาค่าความเที่ยง ได้เท่ากับ .93, 85 และ .93 ตามลําดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน  ผลการวิจัยพบว่า พยาบาลวิชาชีพงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร มีเจตคติ ทางบวกระดับมากต่อการปฏิบัติเพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วย มีบรรทัดฐานกลุ่มอ้างอิงเกี่ยวกับการปฏิบัติ เพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วยระดับมาก และมีความตั้งใจในการปฏิบัติ เพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วยอยู่ในระดับมาก และพบว่า เจตคติต่อการปฏิบัติเพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วย และบรรทัดฐานกลุ่มอ้างอิงเกี่ยวกับการปฏิบัติ เพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ในทางบวก ระดับปานกลางกับความตั้งใจในการปฏิบัติเพื่อการ พิทักษ์สิทธิผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยเจตคติต่อการปฏิบัติ เพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วย และบรรทัดฐานกลุ่มอ้างอิงเกี่ยวกับการปฏิบัติเพื่อการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วย สามารถร่วมกันทํานายความตั้งใจในการปฏิบัติเพื่อ การพิทักษ์สิทธิผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้ร้อยละ 51 (R2 = .51) The purposes of this research were to examine the level of altitude, subjective norms and practical intentions for patient advocacy ; to examine the relationships of attitude and subjective norms with practical intentions for patient advocacy of professional nurses ; and to analyze variables that can predict practical intentions for patient advocacy of professional nurses in out patient department in hospitals under Bangkok Metropolitan Administration. The sample consisted of 170 professional nurses working in out patient department in hospitals under Bangkok Metropolitan Administration which were selected by stratified random sampling. The instruments were developed by the researcher including attitude, subjective norms and practical intentions for patient advocacy. The Cronbach’ s alpha coefficient of attitude, subjective norms and practical intentions for patient advocacy questionnaire were .93, .85 and .93, respectively. Data were analyzed using descriptive statistics, Pearson's product moment and Stepwise multiple regression.  The results of this research revealed that professional nurses in out patient department in hospitals under Bangkok Metropolitan Administration had high level of positive attitude to practical for patient advocacy, subjective norms related to practical for patient advocacy, and practical intentions for patient advocacy. There were statistically positive and significant relationship at the moderated level between attitude practical for patient advocacy and subjective norms related to practical for patient advocacy with practical intentions for patient advocacy at .01 level. Variance that could statistically significant predict practical intentions for patient advocacy were attitude practical for patient advocacy and subjective norms related to practical for patient advocacy. The variance predict at 51 percent.