ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความตั้งใจในการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

Factors related to the intention for safety in motorcycle riding of upper secondary school students in Sattahip district, Chonburi province

Abstract

          การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสํารวจ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความตั้งใจในการขับขี่รถ จักรยานยนต์อย่างปลอดภัยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในอําเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี กลุ่มตัวอย่างจํานวน 440 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง ทําการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรมสําเร็จรูปในการวิเคราะห์สถิติทางสังคมศาสตร์ สถิติที่ใช้ได้แก่สถิติบรรยาย การทดสอบแมนวิทย์นี ยู การทดสอบ ครัสคาล-วอลลิส และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ สเปียร์แมน ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชาย และเพศหญิงใกล้เคียงกัน คือเป็นเพศชาย ร้อยละ 53.4 เพศหญิง ร้อยละ 46.6 ร้อยละ 37.5 กําลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จํานวนเงินที่ได้รับมาโรงเรียน อยู่ระหว่าง 500-1,000 บาทต่อเดือน ร้อยละ 51.1 ระยะเวลาที่ขับรถเป็นอยู่ระหว่าง 4-6 ปี คิดเป็นร้อยละ 46.6 ไม่มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ คิดเป็นร้อยละ 86.4 ขนาดของเครื่องยนต์อยู่ระหว่าง 101-150 ซีซี ร้อยละ 58.6 และไม่เคยประสบอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ คิดเป็นร้อยละ 54.3 มีเจตคติทางอ้อม ในระดับที่ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 56.8 มีการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงทางอ้อมในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 45.2 มีเจตคติทางตรงในระดับที่ดี คิดเป็นร้อยละ 55.9 มีการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงทางตรงในระดับมากที่สุด ร้อยละ 60.9 มีความตั้งใจในการขับขี่รถจักรยานยนต์ อย่างปลอดภัยในระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 66.6 ผู้ที่ไม่เคยได้รับอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ มีความตั้งใจในการขับขี่รถจักรยานยนต์ อย่างปลอดภัยมากกว่าผู้ที่เคยได้รับอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ เจตคติต่อพฤติกรรมทางตรง การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงทางอ้อม เจตคติต่อพฤติกรรมทางอ้อม มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความตั้งใจ ในการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย ผลของการวิจัยจะเป็นข้อมูลพื้นฐาน ในการดําเนินงานอนามัยโรงเรียนและ การวางแผนการพยาบาล เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนหรือส่งเสริม ความเชื่อ เจตคติ และประชาสัมพันธ์ในกลุ่มบุคคลอ้างอิง ของนักเรียนให้เห็นความสําคัญของการ ขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย  The purpose of this study was to examine the relationship intention for safely in motorcycle riding among upper secondary school students in Sattahip district, Chon Buri province. The samples consisted of 440 students. Data were collected with questionnaire developed by the researcher. The data were then analyzed by using through descriptive non-parametric statistics : Mann-Whitney U Test, Kruskal-Wallis Test and Spearman's rank  correlation coefficient. The results showed that 53.4 and 46.6 percent of respondent were female students respectively, 37.5 percent were level V, and 51.1 percent expense had 500-1000 baht per month. Also, 46.6 percent have ridded motorcycle for 4-6 years, and 86.4 percent ridded without license. 58.6 percent of them had 101-150 cc engine, whereas 54.3 percent had never had an accident. For the indirect measurement of their attitude toward safety in motorcycle riding, it was at very high level for 56.8 percent. The indirect measurement subjective norms were at high level for 45.2 percent. However, for the direct measurement  toward their attitude to safety in motorcycle riding, it was at high level for 55.9 percent. The direct measurement subjective norms were at very high level for 60.9 percent. For the  intention for safety in motorcycle riding, it was at the very high level for 66.6 percent. Those who did not have accident had the higher intention than those having accident. Besides, the direct and indirect measurement towards then attitude to safety in motorcycle riding, and indirect measurement subjective norms were positive correlated with the safety in motorcycle riding. The results of this thesis will be local information for school healthcare and nursing care plan for change or promotion belief attitude and subjective norm’s student information to safety in motorcycle riding.