ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพในหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิเขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขที่ 3

Factors Influencing Competency of Professional Nurses in Primary Health Care Units under the Jurisdiction of Public Health Inspection Zone 3

Authors

  • อรุณี เผื่อนด้วง
  • อารีรัตน์ ขำอยู่
  • รัชนี สรรเสริญ

Keywords:

พยาบาล, สมรรถภาพในการทำงาน, แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์, สภาพแวดล้อมการทำงาน

Abstract

          การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยายหาความสัมพันธ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับสมรรถนะแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และสภาพแวดล้อมในการทำงานของพยาบาลวิชาชีพ ตลอดจนศึกษาความสัมพันธ์และความสามารถในการพยากรณ์ของประสบการณ์การทำงาน แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และสภาพแวดล้อมในการทำงานกับสมรรถนะพยาบาลวิชาชีพ กลุ่มตัวอย่างคือพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิในเขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขที่ 3 ที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย จำนวน 220 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามการรับรู้สมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิ แบบสอบถามแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์และแบบสอบถามสภาพแวดล้อมในการทำงาน ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน ได้ค่าดัชนีความตรงของเนื้อหาที่ .80, .80 และ .76 ตามลำดับ จากนั้นหาความเชื่อมั่นของแบบสอบถามโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค ได้ค่าสัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่นที่ .96, .94 และ .96 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สันและการถดถอยพหูคูณแบบขั้นตอน  ผลการศึกษาพบว่า พยาบาลวิชาชีพหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิในเขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขที่ 3 มีสมรรถนะ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์และสภาพแวดล้อมในการทำงานอยู่ในระดับสูง ส่วนประสบการณ์การทำงานไม่มีความสัมพันธ์กับสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพในหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์มีความสัมพันธ์ทางบวก ในระดับปานกลาง (r = .68, p < .001) กับสมรรถนะพยาบาลวิชาชีพหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และสภาพแวดล้อมในการทำงานมีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับสูง (r = .74, p < .001) กับสมรรถนะพยาบาลวิชาชีพหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ตัวแปรที่สามารถร่วมกันพยากรณ์สมรรถนะพยาบาลวิชาชีพหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 คือแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์และสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยสามารถร่วมกันพยากรณ์สมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิได้ ร้อยละ 61.3  This descriptive correrational research were conducted to determine the rating competency, achievement motivation, and working environment as well as to identify the relationship and the predator of competency of nurses. The sample consisted of nurses working in primary health care unit, under the jurisdiction of Public Health Inspection zone 3 from a simple random sampling of 220 samples. The competency questionnaire, achievement motivation questionnaire and a questionnaire on work environment were used to collect data. The  instruments were validated by 5 experts with the content validity index of .80, .80 and .76, respectively. The confidence coefficient of the instruments were .96, .94 and .96, respectively. Statistics used were average, standard deviation, correlation coefficient of Pearson, and multiple regression.  The study found that nurses of primary health care units competency, achievement motivation, and working environment were at a high level. The experience did not correlate with the competency. The achievement motivation was significant positively correlated at the moderate level with competency (r = .68, p < .001). The working environment was significant positively correlated at the high level with competency (r = .74, p < .001). The variables that could predict competency of professional nurses in primary health care unit were the achievement motivation and working environment. They accounted for 61.3 percent of variance of competency.

References

กนกศิลป์ พุทธศิลพรสกุล. (2543). ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลสภาพแวดล้อมในหน่วยงานกับเชาว์อารมณ์ของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลรัฐ กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการบริหารการพยาบาล, บัณฑิตวิทยาลัย, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ขนิษฐา นันทบุตร และคณะ. (2547). การสังเคราะห์การวิจัยและพัฒนาเครื่องมือและกลไกการทำงานชุมชน ในระบบบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิเพื่อจัดทำข้อเสนอบทบาทและหน้าที่พยาบาลวิชาชีพในการให้บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยระบบสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข.

จันทิมา นิลจ้อย. (2547). สมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพในหน่วยบริการปฐมภูมิ. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการบริหารการพยาบาล, บัณฑิตวิทยาลัย, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ดาราพร รักหน้าที่. (2548). ปัจจัยด้านแรงจูงใจที่มีอิทธิพลต่อสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในศูนย์สุขภาพชุมชนในเขตสาธารณสุขที่ 7. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการบริหารการพยาบาล, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

เตือนใจ พิทยาวัฒนชัย. (2548). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการบริหารการพยาบาล, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

Boyatzis, R. (1982). Introduction to excellence in management and leadership. Retrieved April 14, 2009, from://marcbowles.com/courses/frotline/fma3/fma3c.htm.

Keating, S.B., Rutledge, D.N., Sargent, A., & Waker, P. (2003). Testing the model for testing competency. Patient Care Management, 19(5), 7-11.

LaDuke, S. (2000). Nurses perceptions : Is your nurse uncomfortable or incompetent. JONA, 30(4), 163-165.

Litwin, G.H., & Stringer, R.A. (1968). Motivation and organization climate. Boston : Division of Research, Haward Business School.

McClelland, D.C. (1973). Test for competence, rather than intelligence. American Psychologists, 17(7), 57-83.

McClelland, D.C. (1985). Human motivation. Lllinois : Scott, Foresman

McCormrick, E.J., & Ilgen, D.R. (1985). Industrial and organization psychology. Englewood : Prentice – Hall

Downloads

Published

2021-11-17