ประสบการณ์ใกล้ตายของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย: การศึกษาเชิงปรากฏการณ์วิทยา
Dying Experience of Terminal Ill Cancer Patients : A Phenomenological Study
Keywords:
มะเร็ง, ผู้ป่วย, ผู้ป่วยใกล้ตาย, ปรากฏการณ์วิทยาAbstract
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ทำความเข้าใจการรับรู้และการให้ความหมายความตายและภาวะใกล้ตาย รวมถึงสภาพการณ์ชีวิตในภาวะใกล้ตายของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย เป็นการศึกษาเชิงปรากฏการณ์วิทยาแบบตีความ (hermeneutic phenomenology) ตามแนวคิด มาร์ติน ไฮเดกเกอร์ (Martin Heidegger) โดยดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์ผลการวิจัยตามกระบวนการวิจัยของแวนแมนเนน (van Manen) การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก (in-depth interview) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก (key informant) ได้แก่ ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายจำนวน 6 ราย และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลรองซึ่งเป็นผู้ดูแลผู้ป่วย ได้แก่ ครอบครัวผู้ป่วยจำนวน 5 ราย และทีมสุขภาพจำนวน 3 ราย รวมถึงใช้การสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ (informal Interview) การสังเกต (observation) และการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ผลการวิจัย พบว่า ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ให้ความหมายภาวะใกล้ตาย 5 ลักษณะได้แก่ เป็นมะเร็งหนีไม่พ้นความตาย ภาวะใกล้ตายท่ามกลางความทุกข์ทรมาน ภาวะใกล้ตายกับภาวะที่ต้องดูแล ภาวะที่ไม่ปกติหรือแปลกแยก และความทุกข์ใจกับภาวะใกล้ตาย และให้ความหมายความตายใน 5 ลักษณะ ได้แก่ ความตายทำให้พลัดพราก ความตายทำให้ต้องพลาดหวัง ความตายทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน ความตายเป็นเรื่องปกติธรรมดาและความตายเป็นเรื่องไม่แน่นอน ไม่แน่ว่าจะตายหรืออยู่ ส่วนความคาดหวังกับภาวะใกล้ตายนั้นผู้ป่วยมีความคาดหวังในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ หวังปาฏิหาริย์ช่วยให้ชีวิตอยู่ต่อไป ไม่มีความคาดหวังปล่อยไปตามเวรกรรม คาดหวังความชัดเจนจากทีมสุขภาพ คาดหวังผลการรักษา คาดหวังถึงที่พึ่งพิงคาดหวังความปกติ มิใช่ความแปลกแยก คาดหวังความเข้าอกเข้าใจจากทีมสุขภาพ ได้กระทำตามความคาดหวังและความเชื่อก่อนตาย ได้ตายท่ามกลางสภาพที่ผูกพันและคุ้นเคย จากไปอย่างไม่เป็นภาระ และคาดหวังกับชีวิตหลังความตาย นอกจากนั้น ยังพบว่า ผู้ป่วยมีการเผชิญหน้ากับความตายและภาวะใกล้ตายในลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ ปฏิเสธที่จะรับรู้สิ่งที่เป็นและความตาย เลือกความตายเป็นหนทางหลีกหนีปัญหา ต่อรองกับความเจ็บป่วยและความตายปกปิดตัวตนที่อ่อนแอ ทำใจให้เข้มแข็ง/จัดการกับความเครียด ยอมรับกับภาวะใกล้ตายและพร้อมเผชิญความตาย แบ่งปันความเข้าใจและเผชิญปัญหาร่วมกับครอบครัว จัดการกับภาระที่ค้างคาก่อนตายและอยู่เพียงแค่รอความตายผลการวิจัยที่ทำให้แนวทางสำคัญในการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายและครอบครัว โดยคำนึงถึงบริบทเฉพาะที่เกี่ยวข้องในมิติต่าง ๆ และการมีส่วนร่วมหรือการสร้างเครือข่ายในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพื่อให้การดูแลมีความครอบคลุมและต่อเนื่อง This research aimed to understand the death perception, the meaning of death and the conditions of dying, including the circumstances of life in the dying state of end-stage cancer patients. This is a study of Hermeneutic Phenomenology based on the idea of Martin Heidegger. Six steps of research process developed by van Manen were used as a method of studying and analyzing. The data were collected by in-depth interviews, informal interviews, observation, and study of related documents. The key informants included six terminal ill cancer patients and the second key informants were the caregivers providing care for the patients composed of five patients’ family members and three members of the health team. The study revealed that the patients with end-stage cancer expressed the meanings of dying as five features, including cancer death was inevitable, living with suffering, being a burden for care, being with a life that was not normal and deviant, and suffering with being The meaning of death were given in five features : death caused separation, death took away opportunity and future, death made liberation from suffering, death was normal and death was uncertain. The expectations of life in the dying state of the patient included having miracles help them to live, no hopes, leaving to fate, clarity from health care team, result of treatments, reliant agency, normality not deviation, understanding from health care team, being able to follow their expectations and beliefs before they die, dying in a bonding place and familiar conditions, left with no incumbent, and life after death. In addition, the results also showed that the patients confronted with death and dying condition in other manners including, refusing to perceive what was being and death, choosing to die to escape from current problems, negotiation with the illness and death, concealing the identity of vulnerable chill strength, making oneself strong, managing stress, accepting what was being, ready to confront death, sharing understanding and coping death with the family, finished left over duty, and waiting for death. The finding made the significant approach to policy and practice in caring for patients with end stage and their families, focused on the particular context involved in various aspects, and participation or to build a network of caring in patients with end-stage, to provide comprehensive care and continuity.References
นภนาท อนุพงศ์พัฒน์. (2550). ประวัติศาสตร์ความตายและความเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ต่อชีวิตในสังคมไทย. ใน โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ (บรรณาธิการ), วัฒนธรรม ความตาย กับวาระสุดท้ายของชีวิต คู่มือการเรียนรู้มิติสังคมของการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (หน้า 32-90). กรุงเทพฯ : สำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ (สวสส.).
ปานทิพย์ ศุภนคร. (2546). ปรัชญาเอกซิสเตน เชียลลิสต์ (อัตถิภาวนิยม). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
มุลลิน, เกลน เอช. (2533). มรณสติแบบธิเบต พุทธวิธีเพื่อต้อนรับความตาย. แปลโดย ภัทรพร สิริกาญจน กรุงเทพฯ : ศูนย์ไทย-ธิเบตศึกษา.
ศิริพันธุ์ สาสัตย์. (2549). การตายและความตายในผู้ป่วยสูงอายุ ใน โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ (บรรณาธิการ), ความตายกับการตาย มุมมองจากศาสนากับวิทยาศาสตร์ (หน้า 61-68). นนทบุรี : สำนักพิมพ์มูลนิธิพันดารา.
Conroy, S.A. (2001). Moral inclinations of medical, Nursing, and physiotherapy students. Oxford : University of Oxford.
Laverty, S. M. (2003). Hermeneutic phenomenology and phenomenology : A Comparison of historical and methodological consideration. International Journal of Qualitative Methods, 2(3). Article 3. Retrieved February 13, 2007, from http://www.ualberta.ca/2_3final/pdf/laverty.pdf
Macquarie, J. (1973). Existentialism. London : Pelican books.
Van Manen, M. (1990). Researching lived experience : Human science for an action sensitive pedagogy. London : State University of New York Press.