ปัจจัยทำนายความตั้งใจในการตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีโดยสมัครใจ ของผู้ต้องขังชายเรือนจำ เขต 7
Keywords:
เจตคติ, การตรวจคัดกรอง, การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง, การรับรู้, การควบคุมปัจจัย, การตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีAbstract
ปัญหาการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มผู้ต้องขัง ซึ่งเป็น กลุ่มที่มีประสบการณ์เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีสูง เป็นปัญหาใหญ่เนื่องจากมีการแพร่เชื้อได้ง่าย การตรวจคัดกรอง เชื้อเอชไอวีเป็นวิธีการควบคุมป้องกันโรคเอดส์ได้ดีที่สุด แต่อัตราความครอบคลุมในกลุ่มผู้ต้องขังยังต่ำ เพียงร้อยละ 9.27 (กองบริการทางการแพทย์ กรมราชทัณฑ์, 2555) โดยผู้ต้องขังเหล่านี้ไม่เคยได้รับการตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวี แต่จะทราบว่าตนเองติดเชื้อเมื่อมีอาการของโรคเอดส์แล้ว หรือโรคติดเชื้อฉวยโอกาสหรือตามแพทย์วินิจฉัยเท่านั้น การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อ ความตั้งใจในการตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีของผู้ต้องขังชายเรือนจำเขต 7 กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ต้องขังชาย จำนวน 420 คน ที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง โดยใช้ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน ประกอบด้วย ปัจจัยส่วนบุคคล เจตคติต่อการคัดกรอง การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง และความตั้งใจตรวจคัดกรอง โดยวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยสถิติบรรยาย (descriptive statistic) ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน (stepwise multiple regression) ผลการวิจัยพบว่า ค่าเฉลี่ยของคะแนนความตั้งใจที่ จะไปตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีของกลุ่มตัวอย่างเท่ากับ 58.90 (SD = 25.01) เจตคติต่อการตรวจคัดกรองมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.12 (SD = 1.17) การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 5.38 (SD = 3.48) และการรับรู้ความสามารถในการควบคุมปัจจัยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.21 (SD = 1.35) โดยเจตคติต่อการตรวจคัดกรอง (Att) ประสบการณ์เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี (Risk) ประสบการณ์ตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี (Exp) และระดับการศึกษา (Edu) สามารถร่วมกันทำนายความตั้งใจตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวี (Intention) ของผู้ต้องขังชายเรือนจำเขต 7 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05) ได้ร้อยละ 12 ด้วยสมการถดถอย Intention = 30.756 + 4.591 (Att) + 2.097 (Risk) + 7.925 (Exp) + 0.965 (Edu) ผลการวิจัยในครั้งนี้สามารถ นำไปเป็นแนวทางในการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวี และเสนอประโยชน์จากการเข้ารับการตรวจ เพื่อส่งเสริมเจตคติที่ดีต่อการตรวจคัดกรองรวมถึงการส่งเสริมคุณภาพการรักษาให้ได้รับประสบการณ์ตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีที่ดี เพื่อทำให้คนกลุ่มนี้เข้ารับการตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีเพิ่มมากขึ้น HIV infection among prisoners, a group with a high risk of infection, was a big problem as the disease would easily be transmitted to other. An HIV screening test is one of the best methods of preventing HIV infection, but the screening coverage among prisoners is still low around 9.27%. This research aimed to investigate the factors that would affect the intention of male prisoners in prison, seventh territory to take HIV voluntary screening test. The sample consisted of 420 male prisoners, selected by multi-stagerandom sampling. A constructed questionnaire, based on the Theory of Planned Behavior, was used as a tool to collect data. This questionnaire comprised personal factors such as attitude toward taking screening test, subjective norm and intention on taking screening test. The data were analyzed by descriptive analysis as well as frequency, percent, mean, standard deviation, and stepwise multiple regression analysis. The research results revealed that the mean score of intention on taking HIV voluntary screening test was at 58.90 (SD = 25.01) attitude toward taking screening test was at 2.12 (SD = 0.62) subjective norm was at 5.38 (SD = 3.48) and perceived behavioral control was at 1.21 (SD = 1.35). The attitude toward taking screening test (Att), the risk of getting HIV (Risk), experience about screening (Exp), and educational level (Edu) were to predict the intention of HIV screening test of male prisoner with a statistical significance at 0.05 level, at 12% by regression equation as follows: Intention = 30.756 + 4.591 (Att) + 2.097 (Risk) + 7.925 (Exp) + 0.965 (Edu). The research findings could be applied to use as a guide enhance knowledge on HIV screening, and suggest the benefits of screening to promote the good attitude toward screening as well as to promote the quality of treatment. This group of prisoners would then have good experience on HIV screening, and then attract more prisoners to join the screening test.Downloads
Issue
Section
Articles