การพัฒนาความรู้และทักษะการดูแลผู้สูงอายุของผู้ดูแลที่อาศัยอยู่ในครอบครัว

Abstract

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะการดูแลผู้สูงอายุของผู้ดูแลในเขตเทศบาลวังชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ แบ่งเป็นระยะที่ 1) สำรวจความต้องการการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุด้วยแบบสำรวจความต้องการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ดูแลที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในครอบครัว จำนวน 161 คน และระยะที่ 2) ออกแบบดำเนินการและประเมินประสิทธิผลโครงการฝึกอบรมการดูแลผู้สูงอายุสำหรับผู้ดูแลโดยดำเนินการฝึกอบรม เป็นเวลา 2 วัน กลุ่มตัวอย่างคือผู้ดูแลที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในครอบครัวจำนวน 32 คน เครื่องมือในระยะนี้ประกอบด้วย แผนการฝึกอบรมการดูแลผู้สูงอายุสำหรับผู้ดูแล และเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบวัดความรู้ 6 เรื่อง และแบบประเมินทักษะ 3 เรื่อง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  ผลการวิจัยพบว่า ผู้ดูแลผู้สูงอายุมีความต้องการการพัฒนาความรู้ระดับปานกลาง 9 รายการ และระดับน้อย 3 รายการ การประเมินประสิทธิผลของโครงการฯ พบว่า ผู้ดูแลผู้สูงอายุมีความรู้เกี่ยวกับโรคที่พบบ่อย การจัดการภาวะฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุ การใช้ยาในผู้สูงอายุ การช่วยเหลือกิจวัตรประจำวันแก่ผู้สูงอายุ การสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ และการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุอยู่ในระดับสูงทุกรายการ และผู้ดูแลผู้สูงอายุมีทักษะเกี่ยวกับการช่วยฟื้นคืนชีพผู้สูงอายุ การช่วยเหลือผู้สูงอายุรับประทานยา และการส่งเสริมการออกกำลังกายอยู่ในระดับถูกต้องมากทุกรายการ            The purpose of this research was to develop knowledge and skills among family caregivers regarding older adults’ care. The research was conducted in Wang Chomphu Municipality, Maung District, Phetchabun. Phase 1 assessed the level of need in caring for older adults via questionnaires administered to 161 family caregivers. Phase 2 was comprised of a two-day training program, delivered to 32 family caregivers, to develop and evaluate the older adult’s care program. Research instruments in this phase were a training plan for older adults’ care, the 6 dimensions of knowledge questionnaire, and 3 evaluation skills. The data were analyzed using frequencies, percentages, means and standard deviations. The results showed that, regarding older adults’ care needs, 9 items were at a moderate level and 3 items were at a low level. After participating in the training program, family caregiver knowledge regarding caring for older adults with common diseases, managing emergencies, helping older adults manage daily activities, medication use, health promotion, and environmental healthcare were at high levels. The family caregiver skills regarding cardiopulmonary resuscitation, assisting older adults taking medications, and promoting exercise in older adults were at correct levels.