การทดสอบคุณสมบัติการวัดทางจิตวิทยาของแบบสอบถามการยึดติดทางความคิด (ฉบับภาษาไทย)

Abstract

การวิจัยแบบภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบคุณสมบัติการวัดทางจิตวิทยาของแบบสอบถาม การยึดติดทางความคิด ฉบับภาษาไทย กลุ่มตัวอย่างเป็นเยาวชนที่กำลังเข้ารับการบำบัดสารเสพติดในโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง เขตพื้นที่ภาคตะวันออก จำนวน 350 คน ที่ได้รับการสุ่มด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือวิจัย ประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล และแบบสอบถามการยึดติดทางความคิดฉบับแปลเป็นภาษาไทยด้วยเทคนิคการแปลย้อนกลับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค การ วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน ผลการวิจัยพบว่า แบบสอบถามการยึดติดทางความคิดฉบับภาษาไทยมีความเที่ยงและความตรงเชิงโครงสร้างอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ .84 ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจพบว่า แบบสอบถามมีเพียงองค์ประกอบเดียว ส่วนการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันพบว่า โมเดลปรับปรุงมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (X2 = 11.66, p = .308, df = 10, X2/df = 1.16, GFI = .99, AGFI = .97, CFI = 1.00, SRMR = .019 และ RMSEA = .022) โดยมีค่าน้ำหนักของข้อคำถามรายข้อระหว่าง .38 - .78 ผลการศึกษามีข้อเสนอแนะว่า บุคลากรทางด้านสาธารณสุขสามารถนำแบบสอบถามฉบับนี้ ไปใช้ในการประเมินการยึดติดทางความคิดของเยาวชนที่ใช้สารเสพติดเพื่อวางแผนการบำบัดหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาปรับปรุงข้อคำถามของ แบบสอบถามให้มีความสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยมากขึ้น        The purpose of this cross-sectional study was to test the psychometric properties of the Cognitive Fusion Questionnaire (Thai version), including reliability and construct validity.  The sample, recruited by simple random sampling, consisted of 350 youths receiving substance abuse treatment at Wiwatphonlamuang School in Eastern Thailand. The data was collected by self-administration of the Personal Information Questionnaire and the Cognitive Fusion Questionnaire, which was translated to Thai using the back-translation technique. Descriptive statistics, Cronbach’s alpha coefficient, exploratory factor analysis, and confirmatory factor analysis were employed for data analysis. The results revealed that the Thai version of the Cognitive Fusion Questionnaire had good reliability and construct validity. Cronbach’s alpha was .84. The exploratory factor analysis showed one factor model. Moreover, confirmatory factor analysis indicated that the modification model fit the empirical data (X2 = 11.66, p = .308, df = 10, X2/df = 1.16, GFI = .99, AGFI = .97, CFI = 1.00, SRMR = .019 and RMSEA = .022); factor loading values of each item ranged from .38 - .78. The findings suggest that healthcare providers can use this questionnaire to assess cognitive fusion among substance-abusing youth in order to plan appropriate treatment or behavioral modification. In addition, further studies should be conducted to improve the questionnaire items for more consistency with Thai societal context.