ความรู้ ทัศนคติ พฤติกรรม และประสบการณ์เรื่อง กัญชาเพื่อการบำบัดของผู้รับบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์ : แนวทางของวิถีชาวบ้านแบบไทย

Knowledge, attitudes, behavior, and experiences towards therapeutic cannabis use among clients receiving treatment in a cannabis clinic: A Thai folkway

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ ทัศนคติ พฤติกรรมและประสบการณ์เรื่องกัญชาเพื่อการบำบัดของผู้รับบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์ : แนวทางของวิถีชาวบ้านแบบไทย กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้รับบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์ โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จำนวน 60 คน ซึ่งได้มาด้วยการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้การเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบทดสอบความรู้เรื่องกัญชาทางการ แพทย์ 3) แบบวัดทัศนคติที่มีต่อการใช้กัญชาทางการแพทย์และการให้บริการของคลินิก 4) แบบบันทึกพฤติกรรมของการใช้กัญชาทางการแพทย์ และ 5) แบบสัมภาษณ์ประสบการณ์ในการใช้กัญชาทางการแพทย์ ซึ่งเครื่องมือส่วนที่ 2 มีค่าความเชื่อมั่น (KR-21) เท่ากับ .70 เครื่องมือส่วนที่ 3 และ 4 มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ 84 และ 58 ตามลำดับ และวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยสถิติพรรณนา ผลการวิจัย พบว่า 1) ความรู้เกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์คะแนนอยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย = 6.08, SD = 1.93) 2) ทัศนคติที่มีต่อการใช้บริการของคลินิกกัญชาทางการแพทย์โดยรวมอยู่ในระดับดี (ค่าเฉลี่ย = 4.04, SD = 0.45) โดยเห็นว่า คลินิกกัญชาทางการ แพทย์สามารถช่วยเหลือในการบำบัดอาการเจ็บป่วยมากที่สุด 3) พฤติกรรมการใช้กัญชาเพื่อการบำบัดรักษา ส่วนใหญ่ร้อยละ 100 ไม่เคยมีประสบการณ์ในการใช้กัญชาและใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์เพื่อบำบัดอาการผิดปกติมาก่อน ภายหลังการใช้บริการของคลินิกกัญชาทางการแพทย์ส่งผลให้รับประทานอาหารและนอนหลับได้ มากขึ้น น้ำหนักเพิ่มขึ้น หายใจโล่งและเต็มอิ่ม แผลสะเก็ดเงินที่ผิวหนังแห้งและไม่เจ็บ อาการเครียดลดลง แต่ปวดศีรษะบ่อย จากผลการวิจัยมีข้อเสนอแนะว่า แพทย์ และบุคลากรประจำของคลินิกกัญชาทางการแพทย์ ควรใช้ผลการวิจัยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบัน และควรเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลแก่ประชาชนเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจใช้กัญชาทางการแพทย์เพื่อดูแลสุขภาพต่อไป  The purpose of this study was to examine the knowledge, attitudes, behaviors, and experiences of the therapeutic use of medical cannabis among clients receiving treatment in clinics. A simple random sampling technique was used to recruit 60 people at cannabis clinic, Kalasin hospital. The research instruments were (i) the personal data form, (ii) the medical therapeutic cannabis knowledge test, (iii) the medical therapeutic cannabis attitude test, and (iv) a semi-structured in-depth interview form. The content validity was ensured by three experts, and the CVI ranged from .80 to 1.00. The Cronbach's alpha reliability for the KR-21 questionnaire's parts II, III, and IV were .70, .84, and .58, respectively. The data was analyzed using the descriptive statistics. The results showed that 1) the knowledge about medical cannabis was at a moderate level (average = 6.08, SD = 1.93), 2) the attitude towards the use of medical cannabis in clinics was at a good level (average = 4.04, SD = 0.45), most of the medical cannabis clinics can help treat patients, and 3) concerning cannabis behavior, all the participants (100%) had no experience of cannabis use in the past and had not used it for their illness treatment. It was reported that the participants had good eating and sleeping patterns, weight gain, normal breathing, and dry and painless psoriatic lesions in their skin after receiving treatment from the medical cannabis clinic. These findings suggest that the physicians and staff in the medical cannabis clinics can use this as a guideline and consider it an alternative treatment option of modern medicine, and disseminating it to the public may aid in the decision-making process of using medical cannabis for future healthcare.