ผลลัพธ์การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดช่องท้องชนิดส่องกล้องที่ใช้ถุงรองรับชิ้นเนื้อที่ประดิษฐ์ขึ้น

Nursing outcomes of using an artificial specimen retrieval bag among patients after laparoscopic abdominal surgery

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลลัพธ์การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดช่องท้องชนิดส่องกล้องและใช้ถุงรองรับชิ้นเนื้อที่ประดิษฐ์ขึ้น กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดในช่องท้องชนิดส่องกล้อง โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ซึ่งได้มาด้วยการสุ่มอย่างง่ายได้กลุ่มควบคุม จำนวน 32 คน กลุ่มทดลอง จำนวน 64 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบวัดผลลัพธ์ทางการพยาบาล ประกอบด้วย 5 ส่วน คือ ข้อมูลส่วนบุคคล แบบบันทึกอุบัติการณ์ แบบวัดความพึงพอใจ แบบบันทึกผลการปฏิบัติตนตามคำแนะนำและมาตรวจตามนัด และแบบวัดคุณภาพชีวิต ค่าสัมประสิทธิ์ แอลฟาของครอนบาค (Cronbach's alpha) ของเครื่องมือส่วนที่ 3 และ 5 เท่ากับ .78 และ .69 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา สถิติที และไคว์สแควร์ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 50-59 ปี ไม่พบการรั่วของถุงรองรับชิ้นเนื้อ และ พบการติดเชื้อในกลุ่มที่ไม่ได้ใช้ถุงรองรับชิ้นเนื้อมากกว่า คิดเป็นร้อยละ 12.50 มีความพึงพอใจต่อการให้การพยาบาล อยู่ในระดับมากที่สุด และมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 กลุ่มตัวอย่างสามารถปฏิบัติตนตามคำแนะนำของพยาบาลและการมาตรวจตามนัด คิดเป็นร้อยละ 100 และคุณภาพชีวิตของทั้งสองกลุ่มอยู่ในระดับดีมากและมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากผลการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า พยาบาลสามารถนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการพยาบาลเพื่อพัฒนาคุณภาพหรือประสิทธิภาพของการพยาบาลต่อไป  The purpose of this research was to study the nursing outcomes of using an artificial specimen retrieval bag in patients after laparoscopic abdominal surgery. The subjects were patients who underwent laparoscopic abdominal surgery at Kalasin Hospital. The participants were assigned to the control (n = 32) and experimental (n = 64) groups using simple random sampling. The research instruments comprised five parts: the personal information form, the incident record form, the satisfaction form, the practice record form according to recommendations and follow-up, and the quality-of-life measurement form. The Cronbach's alpha reliability for the 3rd and 5th parts of the quality-of-life measurement questionnaire was .78 and .69, respectively. The data were analyzed using descriptive statistics, an independent t-test, and a chi-square test. The results revealed that most of the samples were female, aged 50-59 years, with a duration of illness of 3-5 years. No leakage of the artificial specimen retrieval bag was found. Around 12.5% of the participants in the control group who did not use an artificial specimen retrieval bag reported infections. The participants had satisfaction with nursing care at a higher level, and the scores were statistically significant at the .01 level. All the participants (100%) followed the nurse's advice and had regular follow-up visits on the appointment day. The quality of life in both groups was at a very good level and was statistically significant at the .05 level. The finding suggests that nurses should apply the study results to the nursing process to further improve the quality or efficiency of nursing care.