การทรงตัว ความสามารถในการลุกขึ้นยืนจากท่านั่งและความสามารถของการเดินในเด็กสมองพิการ ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนนทบุรีและศูนย์การศึกษาพิเศษ มหาจักรีสิรินธรประจำจังหวัดนครนายก

Balance, the ability to stand up from a sitting position and the ability to walk, in children with cerebral palsy, at the Nonthaburi Special Education Center and Maha Chakri Sirindhorn Nakhonnayok Special Education Center

Authors

  • เขมภัค เจริญสุขศิริ
  • วรรษชล แดนวงษ์
  • สุพรรณี ศรีจำปา
  • รัตนาภรณ์ อุ่นชื่น

Keywords:

สมองพิการ, การทรงตัว, ความสามารถในการลุกขึ้นยืนจากท่านั่ง, ความสามารถของการเดิน, Cerebral palsy, Balance, Ability to stand up from a sitting position, Five-times-stito-stand test

Abstract

บริบท สมองพิการ คือ ภาวะความผิดปกติโดยพยาธิสภาพเป็นแบบคงที่สาเหตุเกิดจากโครงสร้างของสมองใหญ่ ถูกทำลายในช่วงก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการทรงตัว ความสามารถในการลุกขึ้นยืนจากท่านั่งและความสามารถของการเดินในเด็กสมองพิการ วิธีการศึกษา สถานที่วิจัยและประชากรศึกษา การศึกษาเชิงสำรวจ สุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง สถานที่วิจัย ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนนทบุรีและศูนย์การศึกษาพิเศษมหาจักรีสิรินธรประจําจังหวัดนครนายก ประชากรศึกษาคือเด็กสมองพิการที่ได้รับการฟื้นฟู ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษฯ ทั้งสองแห่ง การวัดผลลัพธ์ Pediatric balance scale, Five-times-sit-to-stand test และ 1-minute walk test ผลการศึกษา ตัวอย่างเพศหญิง 3 คน อายุ 5, 10 และ 11 ปีตามลำดับและมีระดับความสามารถด้านการ เคลื่อนไหว I, II และ III ตามลำดับ ผลการทดสอบการทรงตัวด้วย Pediatric balance scale เป็น 54, 37 และ 45 คะแนนตามลำดับ ผลการทดสอบความสามารถในการลุกขึ้นยืนจากท่านั่งด้วย Five-times-sit-to-stand test เป็น 11.09, 30.40 และ 7.52 วินาทีตามลำดับ และผลการทดสอบความสามารถของการเดินด้วย 1-minute walk test เป็น 50, 40 และ 50 เมตรตามลำดับ สรุป การทรงตัว ความสามารถในการลุกขึ้นยืนจากท่านั่งและความสามารถของการเดินในเด็กสมองพิการ ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนนทบุรีและศูนย์การศึกษาพิเศษมหาจักรีสิรินธรประจำจังหวัดนครนายกมี ความแตกต่างกัน ทั้งนี้เด็กสมองพิการทุกชนิดและทุกระดับความสามารถด้านการเคลื่อนไหวควรได้รับการฟื้นฟู เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการเคลื่อนไหว  Context: Cerebral palsy is a non-progressive disorder. Cerebral structures were damaged during prenatal, natal or postnatal periods. Objective: To determine balance, the ability to stand up from a sitting position and the ability to walk in children with cerebral palsy. Design, setting and participants: This study included a survey using the purposive sampling technique. The settings were the Nonthaburi Special Education Center and the Maha Chaki Sirindhorn Special Education Center in Nakhon Nayok. The participants were children with cerebral palsy who have received rehabilitation at both special education centers. Main outcome measures: The Pediatric Balance Scale, the Five-times-sit-to-stand test and the 1-minute walk test were used in this study. Results: Three female participants (aged 5, 10 and 11 years) had Gross Motor Function Classification System (GMFCS) levels I – III, respectively. The results of the Pediatric Balance Scale test were 54, 37 and 45 points, respectively. The results of the Five-times-sit-to-stand test were 11.09, 30.40 and 7.52 seconds, respectively. The results of the 1-minute walk test were 50, 40 and 50 meters, respectively. Conclusion: There were differences between balance, the ability to stand up from a sitting position and walkability in children with cerebral palsy between the Nonthaburi Special Education Center and the Maha Chakri Sirindhorn Nakhonnayok Special Education Center. Therefore, children with cerebral palsy in any type and at any GMFCS levels should undergo rehabilitation in order to develop the potential for movement.

References

Mutlu A, Bugusan S, Kara OK. Impairments, activity limitations, and participation restrictions of the international classification of functioning, disability, and health model in children with ambulatory cerebral palsy. Saudi Med J. 2017; 38: 176-85.

ศรีนวล ชวศิริ, กมลทิพย์ หาญผดุงกิจ, ชยาภรณ์ โชติญาณวงษ์, วรธีร์ เดชารักษ์, บรรณาธิการ. รู้ทาง...เวชศาสตร์ฟื้นฟูเด็ก. กรุงเทพฯ: บริษัท พี.เอ.ลีฟวิ่ง จำกัด; 2560.

Woollacott MH, Shumway-Cook A. Postural dysfunction during standing and walking in children with cerebral palsy: what are the underlying problems and what new therapies might improve balance? J Neural Transplant Plast. 2005; 12: 211-9.

สุกัญญา เอกสกุลกล้า, อัครเดช ศิริพร, แดนเนาวรัตน์ จามรจันทร์. ระยะเวลาในการ ทดสอบการลุกยืนจากท่านั่งห้าครั้งในผู้ใหญ่ที่มี น้ำหนักปกติ น้ำหนักเกินและภาวะอ้วน. วารสารกายภาพบำบัด. 2561; 40: 95-103.

Frykberg GE, Häger CK. Movement analysis of sit-to-stand–research informing clinical practice. Phys Ther Rev. 2015; 20: 156-67.

Levine D, Richards J, Whittle MW. Whittle’s gait analysis-E-book. Sydney: Elsevier Health Sciences; 2012.

Franjoine MR, Gunther JS, Taylor MJ. Pediatric balance scale: a modified version of the berg balance scale for the schoolage child with mild to moderate motor impairment. Pediatr Phys Ther. 2003; 15: 114-28.

Kumban W, Amatachaya S, Emasithi A, Siritaratiwat W. Five-times-sit-to-stand test in children with cerebral palsy: Reliability and concurrent validity. NeuroRehabilitation 2013; 32: 9-15.

Wallmann HW, Evans NS, Day C, Neelly KR. Interrater reliability of the five-times-sit-tostand test. Home Health Care Manag Pract. 2013; 25: 13-7.

Meretta BM, Whitney SL, Marchetti GF, Sparto PJ, Muirhead RJ. The five times sit to stand test: responsiveness to change and concurrent validity in adults undergoing vestibular rehabilitation. J Vestib Res. 2006; 16: 233-43.

พรรณี ปึงสุวรรณ, ปภัสรา หาญมนตรี, ปริญญา ทิพย์ ทองด้วง, ธิดารัตน์ เจือมประโคน, พิสมัย มะลิลา และสุกัลยา อมตฉายา. ความเที่ยงของการ ทดสอบการเดิน 1 นาทีในเด็กสมองพิการ. วารสาร เทคนิคการแพทย์และกายภาพบำบัด. 2555; 24: 87-96.

วรรณิศา คุ้มบ้าน, สุกัลยา อมตฉายา, พรรณี ปึงสุวรรณ, วัณฑนา ศิริธราธิวัตร. ผลของการฝึก ลุกขึ้นยืนต่อความสมดุลในขณะเคลื่อนไหวของ เด็กสมองพิการ. วารสารเทคนิคการแพทย์และ กายภาพบำบัด. 2553; 22: 280-91.

Kwon JY, Chang HJ, Yi SH, Lee JY, Shin HY, Kim YH. Effect of hippotherapy on gross motorfunction in children with cerebral palsy: a randomized controlled trial. J Altern Complement Med. 2016; 21: 15-21.

รุ่งทิพย์ ดวงแก้ว, สุธีรา ใจดี. ผลของธาราบำบัด ต่อความสามารถในการทรงตัวของเด็กสมองพิการ. ธรรมศาสตร์เวชสาร 2560; 17: 182-93.

Khalaji M, Kalantari M, Shafiee Z, Hosseini MA. The effect of hydrotherapy on health of cerebral palsy patients: An integrative review. Iran Rehab J. 2017; 15: 173-80.

Lintanf M, Bourseul J, Houx L, Lempereur M, Brochard S, Pons C. Effect of ankle-foot orthoses on gait, balance and gross motor function in children with cerebral palsy: A systematic review and meta-analysis. Clin Rehabil. 2018; 32: 1175-88.

นพรัตน์ สังฆฤทธิ์, วีระศักดิ์ ต๊ะปัญญา, ศิรินทิพย์ คำฟู, ปาริฉัตร ปรังเขียว, อรทัย อามาตย์. ความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมการทำงานของ กล้ามเนื้อลำตัวแบบแยกส่วนและการทรงตัวใน เด็กที่มีภาวะการควบคุมกล้ามเนื้อลำตัวบกพร่อง. วารสารกายภาพบำบัด. 2562; 41: 1-5.

ณิศศา อัศวภูมิ, จิรัชญา ใจชุ่ม, ระพีพร แซ่ตัน, อาทิตยา ทูลเศียร, กรกฎ เห็นแสงวิไล, ชนันท์วัลย์ วุฒิธนโภคิน. ศึกษาผลของการออก กำลังกายด้วยโยคะต่อการทรงตัว ช่วงการเคลื่อน ของรยางค์ส่วนล่างและประสิทธิภาพของการ ทำงานของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ในเด็กสมองพิการ: การศึกษานำร่อง. บูรพาเวชสาร. 2565; 9: 58-73.

เขมภัค เจริญสุขศิริ, สิริพิชญ์ เจริญสุขศิริ. การทดสอบการเดิน 1 นาทีในเด็กสมองพิการ: งานวิจัยเชิงสำรวจ ณ มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนคริทราบรม ราชชนนี. วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน. 2563; 26: 1-10.

Christy JB, Chapman CG, Murphy P. The effect of intense physical therapy for children with cerebral palsy. J Pediatr Rehabil Med. 2012; 5: 159-70.

Greiner BM, Czerniecki JM, Deitz JC. Gait parameters of children with spastic diplegia: a comparison of effects of posterior and anterior walkers. Arch Phys Med Rehabil. 1993; 74: 381-5. 22. Huang IC, Sugde D, Beveridge S. Assistive devices and cerebral palsy: Factors influencing the use of assistive devices at home by children with cerebral palsy. Child Care Health Dev. 2009; 35: 130-9.

Eek MN, Beckung E. Walking ability is related to muscle strength in children with cerebral palsy. Gait Posture. 2008; 28: 366-71.

ตะวันรัตน์ สกุลรุ่งจรัส. ผลกระทบจาก โรคลมชักในเด็ก: มิติการป้องกันและดูแลรักษา. วารสารสภาการพยาบาล. 2012; 5: 159-70.

Downloads

Published

2023-02-21