การสังเคราะห์งานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา
Classroom Action Research Synthesis Regarding Effective Problem Solving in Secondary Education Level Science Studies
Keywords:
การแก้ปัญหา , ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน , วิจัยชั้นเรียน , วิจัยปฏิบัติการ , วิทยาศาสตร์ -การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา)Abstract
การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสังเคราะห์สรุปรายงานการวิจัยเกี่ยวกับการแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา โดยมุ่งประเด็น ต่างๆ คือ (1) ปัญหาเกี่ยวกับการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ (2) วิธีการหรือนวัตกรรมที่นำมาใช้เพื่อแก้ไข ปัญหาในข้อ 1 (3) ผลที่เกิดขึ้นจากการใช้วิธีการหรือนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว และ (4) บทเรียนที่ผู้ทำการวิจัยได้รับจากการใช้วิธีการหรือนวัตกรรมมาแก้ไขปัญหา แบบของการวิจัยเป็นแบบการสังเคราะห์เชิงคุณลักษณะหรือ เชิงคุณภาพ (Qualitative Synthesis) โดยใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ประชากรคือรายงานการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน เกี่ยวกับการแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาทั้งตอนต้นและตอนปลาย ที่ได้วิจัย ในปีการศึกษา 2546-2547 เป็นงานวิจัยของนิสิต ปีที่ 4 วิชาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่ผ่านการฝึกอบรมการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนและมีอาจารย์ที่ปรึกษาควบคุม ผู้วิจัยได้คัดเลือกงานวิจัยตามเกณฑ์ลักษณะงานวิจัยที่ดีและมีเนื้อหาเพียงพอ ที่จะนำมาสังเคราะห์ ได้รายงานการวิจัย จำนวน 25 เรื่อง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบบันทึกผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากรายงานการวิจัย 1 ชุด มีสาระสำคัญที่จะบันทึกรวม 11 รายการ คือ ปัญหาการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ วัตถุประสงค์ของการวิจัยตัวแปรต้น ตัวแปรตาม กลุ่มเป้าหมาย นวัตกรรม หรือวิธีการที่ใช้ในการแก้ปัญหา จํานวนครั้ง/วัน/ เวลาดำเนินการ แบบแผนการวิจัย ปีที่ทำวิจัย ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลการวิจัย และการสะท้อนความคิด ความรู้สึกของผู้ทำการวิจัยผลการสังเคราะห์งานวิจัยสรุปได้ว่า (1) ปัญหาของผู้เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาคือ ผู้เรียนส่วนมากขาดความรู้ความเข้าใจในหลักการ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ รองลงมาขาดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และขาดทักษะในการปฏิบัติการทดลอง (2) นวัตกรรมหรือวิธีการที่ใช้ในการแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ กล่าวคือ 2.1 ด้านความรู้ความเข้าใจในหลักการหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมหรือวิธีการที่ใช้จำแนกได้เป็น 9 ประเภทดังนี้แบบฝึกหัด เกมส์ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน บทเรียนสําเร็จรูป อุปกรณ์ การทดลองเทคนิคการตั้งคำถาม สื่อแผ่นภาพภาษามือ และการสร้างความคิดรวบยอด (Concept Mapping) 2.2 ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมหรือวิธีการที่ใช้ จำแนกได้เป็น 5 ประเภท ดังนี้ กิจกรรม Science Show ศูนย์การเรียน การเรียนแบบร่วมมือ เอกสารประกอบการเรียน และแบบฝึกทักษะ 2.3 ด้านการปฏิบัติการทดลองนวัตกรรมหรือวิธีการที่ใช้ จำแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ ใบความรู้ หรือใบกิจกรรม แบบฝึกการเขียนรายงาน และการทดลองซ้ำหลังการได้รับการชี้แนะ (3) ผลที่เกิดขึ้นจากการใช้นวัตกรรมหรือวิธีการ พบว่า ผู้เรียนทุกคนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคือ มีความรู้ความเข้าใจในหลักการ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น และปฏิบัติการทดลอง ได้ถูกต้องมากขึ้น (4) ผู้ทำการวิจัยได้รับบทเรียนจากการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน คือ การจัดการเรียน การสอนวิชาวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษา ให้กลุ่มผู้เรียนที่มีพื้นฐานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์แตกต่างกัน โดยใช้วิธีการสอนวิธีใดวิธีหนึ่ง จะส่งผลสัมฤทธิ์ให้เกิดขึ้นแก่ผู้เรียนจำนวนหนึ่งเท่านั้น จะมีผู้เรียนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เกิดความสัมฤทธิ์ผล การเลือกนวัตกรรมหรือวิธีการทางการศึกษามาใช้ ถ้าเลือกได้เหมาะสมกับปัญหาและวัยของผู้เรียนตลอดทั้งเวลาที่จัดให้ จะช่วยแก้ไขปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้หมดไปได้และเมื่อผู้ที่ทำการวิจัย สามารถแก้ไขปัญหาการเรียนรู้ของผู้เรียนได้แล้ว ก็จะเกิดความภาคภูมิใจ และตระหนักในบทบาท หน้าที่ของตนที่ได้กระทำภารกิจได้สมบูรณ์ The purpose of this research is to put into effect the conclusions gained from the report on the research for solutions to problems in studying science in the secondary level. The main points are (1) problems in studying science courses, (2) methods or innovations to solve the problems mentioned in point 1, (3) the outcomes that arise in using these methods or innovations in solving said problems, and (4) lessons that researchers receive from using the methods or innovations in problem solving. The research pattern is of qualitative synthesis and uses content analysis. The population statistics are research reports on solutions to be carried out on problems students in lower and higher secondary levels face in science classes. This research, which took place in the academic year 2546-2547, was done by 4th year undergraduates majoring in science and who have undergone research training during class time and with lecturers acting as advisors. The researchers have selected research subjects using standards to show what is suitable and has enough information for implementation. There is a total of 25 research reports and the tools used are a record form and 11 essential research points, as follows-problems in studying science, the aim of this research, a variable, a target group, innovations or methods used for solving problems, the number, dates, and times research is in progress, research code, the year the research took place, the results of information analysis, a summary of research, and a reflection on the thoughts and feelings of the participants of the research. The result of the synthesis of the research can be summarized as follows: (1) The problem that secondary level students of science have is that most students lack basic knowledge and understanding of science principles and theories as well as skills in scientific processes and experimental performance skills. (2) Innovations or methods used in solving science study problems as follows: 2.1 Nine categories of innovations or methods are used for solving problems of lacking knowledge and understanding of science principles and theories. These are exercises, games, computer-assisted instruction, programmed lessons, experimental equipments, questioning technique, picture, hand action language, and concept mapping. 2.2 Five categories of innovations or methods are used for solving problems of lacking skills in scientific process. These are science show activity, learning center, cooperative learning, learning materials, and skill exercise. 2.3 Three categories of innovations or methods are used for solving problems of lacking skills in experimental performance. These are work sheet, report writing sheet, and repeated performance after being guided. (3) The results in using these innovations or methods found that every student changed their behavior in their knowledge and understanding in scientific principles and theories have increased skills in scientific processes, and skills in experimental performance. (4) Those 25 researchers have learned that secondary education level students who were being taught have differing basic knowledge of science. Using only one teaching method shows results in only one group of students and leaves the rest of the students with the same low level of knowledge. In choosing suitable methods or innovations for problems and considering student age groups in the prearranged time will help to solve the entire problem and when researchers solve said problems, they will feel proud and realize their role and responsibility in achieving their tasks.Downloads
Published
2024-03-26
Issue
Section
Articles