ยุทธศาสตร์การกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองในยุคดิจิทัล

Strategic Policy Making of Political Parties in the Digital Era

Authors

  • มนตรี วีรยางกูร
  • สุปราณี ธรรมพิทักษ์

Keywords:

ยุทธศาสตร์, การกำหนดนโยบาย, พรรคการเมือง, ยุคดิจิทัล, Strategy, Policy Making, Political Parties, Digital Era

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษายุทธศาสตร์การกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองในยุคดิจิทัล เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วยการศึกษาข้อมูลจากเอกสารชั้นรองและการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญประกอบด้วย นักการเมือง นักวิชาการ นักธุรกิจ และประชาชน จำนวน 19 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) และข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) จะถูกวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แบบหน่วยบริบท (Contextual Unit) ผลการวิเคราะห์โดยใช้เทคนิค SWOT Matrix พบว่า จากทางเลือกที่แตกต่างกันทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ ทางเลือกเชิงรุก (SO Strategy) เชิงป้องกัน (ST Strategy) เชิงแก้ไข (WO Strategy) และเชิงรับ (WT Strategy) ทำให้วิเคราะห์ทางเลือกที่แตกต่างกันได้ 11 ประเด็นยุทธศาสตร์ และสามารถนำมาจัดกลุ่มสรุปรวมเป็นยุทธศาสตร์การกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองในยุคดิจิทัล ได้จำนวน 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1: พัฒนานโยบายด้วยข้อมูล Big data และระบบดิจิทัลสมัยใหม่ ยุทธศาสตร์ที่ 2: ยกระดับเครือข่ายนโยบายให้เป็นคลังสมอง ยุทธศาสตร์ที่ 3: พัฒนาช่องทางการติดต่อสื่อสารเพื่อกำหนดนโยบาย โดยมีข้อเสนอแนะเพื่อให้ยุทธศาสตร์ประสบความสำเร็จ ได้แก่ 1) พรรคการเมืองควรพัฒนาและเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับภาคีความร่วมมือจากฝ่ายต่างๆ 2) พรรคการเมืองควรปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานในรูปแบบใหม่ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถของบุคลากรในพรรค ให้มีขีดความสามารถในการพัฒนานโยบายและพัฒนาองค์การให้ก้าวไปสู่ความเป็นเลิศ 3) พรรคการเมืองควรพัฒนาต้นแบบคลังสมองด้านนโยบายของพรรคการเมือง 4) พรรคการเมืองส่งเสริมการเปิดเวทีสาธารณะให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ได้มีเวทีแสดงความคิดเห็น วิพากษ์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับนโยบายของพรรค  The purpose of this research was to study recommendations for policy-making strategies of political parties in the digital era. It is qualitative research. This research used a qualitative research consisting of studying information from secondary documents and in-depth interviews. There were 19 key informants including politicians, academics, businessmen, and citizens. The research tools were semi-structured interviews created by the researcher. Data obtained from in-depth interviews and secondary data will be analyzed using content analysis with contextual unit. The results of the analysis by using the SWOT Matrix technique found that from a total of 4 different alternatives, namely proactive (SO Strategy), preventive (ST Strategy), corrective (WO Strategy) and defensive (WT Strategy) can be analyzed different options in 11 strategic issues and grouped together into 3 strategies for policy-making of political parties in the digital age as follows; Strategy1: Develop policies with big data and modern digital system, Strategy2: Upgrade the policy network into a think tank, Strategy3: Develop communication channels for policy formulation. Suggestions for the strategy to be successful include: 1) Political parties should develop and link databases with cooperation partners from various parties. 2) Political parties should adjust their work processes in new ways by giving importance to developing the abilities of party personnel to have the capacity to develop policies and develop organizations towards excellence. 3) Political parties should develop a prototype think tank for political party policy. 4) Political parties promote the opening of public forums to stakeholders to express their opinions.

References

เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. (2558). คลังสมอง (Think-Tank) กับการพัฒนาประเทศไทย. วันที่ค้นข้อมูล 22 มกราคม 2567, เข้าถึงได้จาก https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/634063

นันธิดา จันทร์ศิริ. (2558). การจัดการเครือข่ายในกระบวนการนโยบายสาธารณะ. สารอาศรมวัฒนธรรมวลัยลักษณ์, 15(1), 145-153.

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560. (2560, 7 ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 134 ตอนที่ 105 ก.

วุฒิพร ลิ้มวราภัส และสุวิชา เป้าอารีย์. (2563). กระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านสื่อออนไลน์: กรณีศึกษา โพสต์ทูเดย์ และแนวหน้า. วารสารรังสิตบัณฑิตศึกษาในกลุ่มธุรกิจและสังคมศาสตร์, 6(2), 106-118.

แสวง บุญมี. (2560). บทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้งกับการพัฒนาระบบพรรคการเมืองไทยเพื่อการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. กรุงเทพฯ: วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร.

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. (2562). ประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ. วันที่ค้นข้อมูล 25 พฤศจิกายน 2566, เข้าถึงได้จาก https://www.ect.go.th/ect_th/download/ article/article_20190508184334.pdf

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. (2565). คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐในการเป็นระบบราชการ 4.0. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ.

สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2561). บทบาทหน้าที่ของสาขาพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: สำนักวิชาการสํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2563). แผนปฏิบัติราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2563 - 2565 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564). กรุงเทพฯ: สำนักนโยบายและแผนสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.

สุวิทย์ สาสนพิจิตร์. (2561). โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุความนิยมพรรคการเมืองผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ของนักศึกษาสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. วิทยานิพนธ์สารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม, วิทยาลัยนวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศ, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยรังสิต.

Aguilar, F, J. (1967). Scanning the Business Environment. New York: Macmillan.

Anderson, E. (1994). Public Policy Making: Introduction (2 nd ed.). New York: Houghton Mifflin Company.

Denhardt, R. B., & Denhardt, J. V. (2007). The New Public Service: Serving, Not Steering. New York: M.E. Sharpe.

Kotler, P., & Armstrong, G. (2018). Principles of marketing (17th ed.). Harlow, England: Pearson.

Yin, R, K. (2003). Case Study Design and Research: Design and Methods (3 rd ed.). Thousand Oaks, CA: Sage Publications.

Downloads

Published

2024-07-10