ความสัมพันธ์ระหว่างธรรมาภิบาลกับความพึงพอใจของประชาชน ที่มีต่อการปฏิบัติหน้าที่บนขบวนรถของตำรวจรถไฟ

Abstract

          การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของหลักธรรมาภิบาล ที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ส่งผลต่อความพึงพอใจของประชาชน เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของหลักธรรมาภิบาลที่ใช้ในการปฏิบัติที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น ทัศนคติ และความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชน เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของหลักธรรมาภิบาลที่ส่งผลโดยตรงและโดยอ้อมต่อความพึงพอใจของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรถไฟผ่านความเชื่อมั่น ทัศนคติ และความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชน เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรคของการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรถไฟบนขบวนรถไฟ และเพื่อเสนอแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรถไฟบนขบวนรถไฟใช้การศึกษาเชิงผสม กลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ประชาชนผู้โดยสารรถไฟใน 4 เส้นทาง หลัก จำนวน 90,419 คน/ วัน โดยกำหนดขนาดตัวอย่าง (Sampling size) ตามสูตรของ Yamane (1967, p. 111) ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 97 (α = .03) ได้ 1,098 คน ระดับการนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรถไฟบนขบวนรถไฟ อยู่ในระดับมาก มีระดับค่าเฉลี่ย 3.88 ด้านหลักความเสมอภาคมากเป็นอันดับที่ 1 กล่าวคือ มีการปฏิบัติตามหลักนั้นอยู่ในระดับมาก มีระดับค่าเฉลี่ย 3.96 ระดับความเชื่อมั่นของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรถไฟบนขบวนรถไฟ อยู่ในระดับมาก มีระดับค่าเฉลี่ย 3.92 โดยให้คะแนนด้านการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรถไฟ ทำให้ท่านเกิดความรู้สึกไว้วางใจที่จะใช้บริการรถไฟต่อไป มากเป็นอันดับที่ 1 กล่าวคือ มีการปฏิบัติตามหลักนั้น อยู่ในระดับมาก มีระดับค่าเฉลี่ย 3.95 ระดับทัศนคติของประชาชน ในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรถไฟบนขบวนรถไฟ พบว่า อยู่ในระดับมาก มีระดับค่าเฉลี่ย 3.89 โดยให้คะแนนด้านการแสดงออกทางท่าทีและการใช้วาจาของตำรวจรถไฟส่งผลต่อทัศนคติของท่านที่มีต่อตำรวจรถไฟมากเป็นอันดับที่ 1 กล่าวคือ มีการปฏิบัติตามหลักนั้นอยู่ในระดับมาก มีระดับ ค่าเฉลี่ย 3.93 ระดับความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชน ในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรถไฟบนขบวนรถไฟ อยู่ในระดับมาก มีระดับ ค่าเฉลี่ย 3.87 โดยให้คะแนนด้านท่านรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและร่างกาย เมื่ออยู่บนขบวนรถไฟ มากเป็นอันดับที่ 1 กล่าวคือ มีการปฏิบัติตามหลักนั้น อยู่ในระดับมาก มีระดับค่าเฉลี่ย 3.95 ระดับความพึงพอใจของประชาชน ในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรถไฟบนขบวนรถไฟ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม เกี่ยวกับระดับความพึงพอใจของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรถไฟ บนขบวนรถไฟ ให้คะแนนอยู่ในระดับมาก มีระดับค่าเฉลี่ย 3.86 โดยให้คะแนน ด้านคุณภาพการบริการ มากเป็นอันดับที่ 1 กล่าวคือ มีการปฏิบัติตามหลักนั้น อยู่ในระดับมาก มีระดับค่าเฉลี่ย 3.90 ตัวแปรด้านหลักธรรมาภิบาล ด้านความ เชื่อมั่น ด้านทัศนคติ ด้านความหวาดกลัวภัยอาชญากรรม และด้านความพึงพอใจของประชาชน มีความสัมพันธ์เชิงบวกกัน โดยมีค่าความสัมพันธ์อยู่ระหว่าง 0.689 ถึง 0.806 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01            The purpose of this research is to study the relation of good governance and passenger’s satisfaction, confidence, attitude and criminal fear, and to study how good governance affects directly or indirectly to passenger’s satisfaction, and to study the issues and the solutions of the railway police’s duty. This research used mixed method. There were 90,419 passengers/day separated in 4 groups from 4 different main routes, and there were 1,098 passengers at the confidence level of 97 percent (α = .03) Yamane (1967, p. 111) Good governance is usually used in the railway police’s work. The overall average is 3.88. The equality principle is the most used one; the average of using this principle is 3.96. The average of passenger’s confidence in the railway police is 3.92; the confidence in train service has the most score; the average of using this principle is 3.95. The average of a good attitude toward railway police’s duty is 3.89; railway police’s behavior has the most score; the average of using this principle is 3.93. The average of passenger feeling safe from crime is 3.87; lots of passengers feel safe from any danger; the average of using this principle is 3.95. Lots of passengers satisfied with the railway police’s work; the average score is 3.86. The service quality has the most score; the average of using this principle is 3.90. The variables of good governance, confidence, attitude, criminal fear and passenger’s satisfaction have a positive relation. The relation rate is between 0.689 to 0.806.