ผลการสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตนต่อความรู้ การรับรู้ความสามารถของตน และพฤติกรรมการส่งเสริมการควบคุมโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียของอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร
Keywords:
โรคโลหิตจาง, ธาลัสซีเมีย, การสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตน, อาสาสมัครสาธารณสุขAbstract
ประชากรไทยป่วยด้วยโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียมาก เป็นอันดับหนึ่งของโลก และปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมโรคนี้ได้ตามเป้าหมาย การวิจัยครั้งนี้เป็นแบบกึ่งทดลอง สองกลุ่มวัดผลก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาผลของการสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตนต่อความรู้ การรับรู้ความสามารถของตน และพฤติกรรมการส่งเสริม การควบคุมโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียในชุมชนของอาสาสมัคร สาธารณสุขกรุงเทพมหานคร คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เป็นอาสาสมัครสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร เขตประเวศ กรุงเทพฯ จำนวน 64 คน และสุ่มเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 32 คน กลุ่มทดลองได้รับกิจกรรมการสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยประยุกต์แนวคิดการสร้างเสริมสมรรถนะ แห่งตนของแบนดูราเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มควบคุมได้รับการอบรมตามปกติ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้ แบบสอบถามความรู้ แบบสอบถามการรับรู้ความสามารถของตน และแบบสอบถามพฤติกรรมการส่งเสริมการควบคุม โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา และการทดสอบค่าทีแบบอิสระ ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนแปลงความรู้ การรับรู้ ความสามารถของตนและพฤติกรรมการส่งเสริมการควบคุม โรคโลหิตจางธาลัสซีเมียหลังการทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 16.69, = 16.78, t = 22.12, p < .05 ตามลำดับ) ผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า พยาบาลเวชปฏิบัติชุมชนควรนำรูปแบบการวิจัยนี้ไป ประยุกต์ใช้ในการจัดอบรมเพื่อสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตนของอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่อื่น ๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิด พฤติกรรมการส่งเสริมการควบคุมโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียต่อไป Globally, the number of Thai population suffering from thalassemia is the first most recorded. It has not been controlled to meet the goal. This quasi-experimental two groups pretest-posttest research aimed to examine the effects of self-efficacy nhancement on knowledge, perceived self-efficacy, and behavior towards health promotion to control thalassemia among village health volunteers of Bangkok metropolitan. Multi-stage random sampling was used to recruit a sample of 64 health volunteers in Prawet district, Bangkok. Then, random assignment was carried out to assign the sample into an experimental and a control groups for 32 each. The experimental group received four-week activities of self-efficacy enhancement program developed by the researcher based on Bandura’s self-efficacy concept while the control group received usual activities. Data were collected by using questionnaires of knowledge, perceived self-efficacy and health promoting behavior to control thalassemia. Descriptive statistics and independent t-test were used to analyze the data. The results revealed that after completion of the intervention, the experimental group had mean scores change of knowledge, perceived self-efficacy and health promoting behavior to control thalassemia significantly higher than those in the control group (t = 16.69, t = 16.78, t = 22.12, p < .05, respectively). These findings indicate that community nurse practitioners should apply this program to increase self-efficacy perception among village health volunteers in other communities. Consequently, health promoting behavior to control thalassemia would beenhanced.Downloads
Issue
Section
Articles