การพัฒนารูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการผ่าตัดเต้านมอย่างถอนรากแบบดัดแปลง

Development of a Nursing Care Model for Breast Cancer Patients Undergoing Modified Radical Mastectomy

Abstract

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) เพื่อพัฒนารูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการผ่าตัดเต้านมอย่างถอนรากแบบดัดแปลง กลุ่มตัวอย่าง คัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจงจากผู้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดและสมัครใจเข้าร่วมการวิจัย จำนวน 19 คน การดำเนินการวิจัย แบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 วิเคราะห์สถานการณ์ ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการผ่าตัดถอนรากแบบดัดแปลงตามแนวคิด 7 aspect of care ระยะที่ 3 นำรูปแบบการพยาบาลฯไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และประเมินผล ระยะที่ 4 ประเมินประสิทธิผลของต้นแบบ ผลการวิจัยพบว่า  ผลลัพธ์ของการใช้รูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการผ่าตัดเต้านมอย่างถอนรากแบบดัดแปลง พบว่าผู้ป่วยทุกรายไม่พบภาวะแทรกซ้อนหลังการทำการผ่าตัดเต้านมอย่างถอนรากแบบดัดแปลง ได้แก่ Bleeding Hematoma Necrosis Infection คิดเป็นร้อยละ 100 (n=19)  สามารถยกแขนได้ ระหว่าง 170-180 องศา คิดเป็นร้อยละ 100 (n=19) ส่วนภาวะ Seroma และ Lymphedema ส่วนใหญ่ ≤1.9 คิดเป็นร้อยละ 89.47 (n=17) ระดับความวิตกกังวลอยู่ในเกณฑ์ปกติ ความพึงพอใจภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด (Mean = 4.62, SD= 0.56) รายข้อพบว่า พยาบาลให้คำแนะนำและวิธีการจัดการความปวดได้อย่างเหมาะสม และคำแนะนำเกี่ยวกับอาการผิดปกติที่ต้องมาก่อนนัดมีค่าเฉลี่ยสูงสุด (Mean = 4.83, SD= 0.39, 0.38) ความพึงพอใจของพยาบาลในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (Mean = 3.99, SD= 0.66) รายข้อพบว่า ด้านประโยชน์ต่อหน่วยงาน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ในระดับมากที่สุด (Mean = 4.61, SD= 0.50) สรุป รูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการผ่าตัดถอนรากแบบดัดแปลงตามแนวคิด 7 aspect  of care สามารถลดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดเต้านมอย่างถอนรากแบบดัดแปลงได้ ควรนำไปประยุกต์ใช้ในการเพิ่มคุณภาพในการพยาบาลต่อไป  This research, centered on research and development, sought to create a nursing care model for the management of breast cancer patients undergoing Modified Radical Mastectomy (MRM). A purposive sampling method was employed, involving 19 female breast cancer patients who met the specified criteria. The research unfolded through key phases: 1) situation analysis, 2) development of the care model, 3) testing the care model in the sample group with subsequent evaluation, and 4) the implementation of the prototype of the care model. Results indicated that, post the application of the nursing care model for  breast cancer patients undergoing MRM, all 19 patients experienced no complications, achieved a range of arm movement between 70-180 degrees (n = 19), and reported seroma and lymphedema rates ≤1.9 out of 89.47 (n = 17), with normal anxiety levels also at 89.47 (n = 17). Patient satisfaction reached the highest average (M = 4.62, SD = 0.56), with nurse advice, pain management, and guidance on abnormal symptoms, along with the need for medication before appointments, receiving the highest average ratings (M = 4.83, SD = 0.39, 0.38). Nurse satisfaction was also high, averaging (M = 3.99, SD = 0.66), with the benefit for the office obtaining the highest average (M = 4.61, SD = 0.50). In summary, the development of nursing care controls for breast cancer patients undergoing MRM proved effective in reducing the post-surgical complications. Hence, its application is recommended to enhance the quality of nursing care.