ประสิทธิผลของแนวปฏิบัติทางการพยาบาลสำหรับป้องกันภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อ Acinetobacter baumannii ชนิดดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนาน ในผู้ป่วยที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ

The effectiveness of the clinical nursing practice guidelines for preventing of pneumonia caused by multidrug-resistance Acinetobacter baumannii on incidence rate of ventilator associated pneumonia in hospital

Abstract

ปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นการติดเชื้อที่พบบ่อยในโรงพยาบาล การวิจัยปฏิบัติการนี้เพื่อพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับป้องกันปอดอักเสบจากการติดเชื้อ Acinetobacter baumannii ชนิดดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนาน และประเมินผลลัพธ์การนำไปใช้ในโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ การวิจัยแบ่งเป็น 2 ระยะคือ (1) ระยะพัฒนาแนวปฏิบัติ และ (2) ระยะนำไปใช้และประเมินผล กลุ่มตัวอย่างระยะพัฒนาแนวปฏิบัติประกอบด้วยพยาบาลควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล 4 คน และพยาบาลประจำหอผู้ป่วย 11 คน ระยะนำไปใช้และประเมินผลประกอบด้วย พยาบาลวิชาชีพ 224 คน ผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจ ก่อนใช้แนวปฏิบัติ 40 คน และหลังใช้แนวปฏิบัติ 40 คน เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบบันทึกปอดอักเสบ แบบสอบถามความพึงพอใจต่อแนวปฏิบัติ และความร่วมมือตามแนวปฏิบัติ เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณน ผลการ วิจัยระยะที่ 1 แนวปฏิบัติทางการพยาบาลประกอบด้วย 8 หมวด ได้แก่ 1) การจัดท่านอนศีรษะสูง 2) การรักษาความดันในกระเปาะลมของท่อช่วยหายใจ  3) การแปรงฟันวันละครั้งและป้ายช่องปากด้วยน้ำยาคลอเฮกซิดีน  4) การดูดเสมหะระบบปิด 5) การดูแลสายเครื่องช่วยหายใจ 6) การทำความสะอาดมือ 7) การสวมกาวน์แขนยาวและถุงมือ และ 8) การทำลายเชื้อในสิ่งแวดล้อม ผลตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน โดยใช้ AGREE II พบว่าอยู่ในช่วงร้อยละ 76 ถึง 90 ทุกหมวด ผลการทดลองใช้พบว่าเหมาะสมและปฏิบัติได้ทุกหมวด  ระยะที่ 2 พบว่าก่อนใช้แนวปฏิบัติ อุบัติการณ์ VAP 28.98 หลังใช้พบอุบัติการณ์ VAP 15.51 ครั้ง/1,000 วันการใช้เครื่องช่วยหายใจ ความพึงพอใจต่อแนวปฏิบัติ ร้อยละ 90.7 และนำไปใช้เป็นประจำ ร้อยละ 58.0 ผลการวิจัยแสดงว่าแนวปฏิบัติช่วยลดอุบัติการณ์ VAP สามารถนำไปใช้ป้องกันการติดเชื้อ การนำไปใช้ควรฝึกอบรมให้มีความรู้และทักษะการใช้แนวปฏิบัติ ควรสนับสนุนอัตรากำลังอย่างเพียงพอ ตลอดจนปรับปรุงแนวปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เพิ่มขึ้น เพื่อส่งเสริมการนำไปใช้ในการดูแลผู้ป่วย  Ventilator associated pneumonia (VAP) stands out as the most prevalent nosocomial infection. This implementation research aimed to develop and assess the impact of Clinical Nursing Practice Guidelines (CNPG) designed to prevent pneumonia caused by multidrug-resistant Acinetobacter baumannii at Sawanpracharak Hospital. The study encompassed two phases: 1) the development of CNPG, involving four infection control nurses and 11 ward nurses, and 2) the implementation and evaluation of CNPG, involving 224 nurses, 40 patients with mechanical ventilation pre- and post-CNPG implementation. Research tools included VAP record forms, nurse satisfaction, and CNPG compliance questionnaires. Data collected from June 1, 2023, to July 31, 2023, underwent descriptive statistical analysis. The CNPG, comprising eight dimensions, covered aspects such as backrest positioning, cuff pressure monitoring, daily toothbrushing, closed suction, maintaining ventilator circuits, hand hygiene practices, wearing gowns and gloves, and environmental disinfection. Validation by five experts using AGREE II revealed scores between 76 to 90 percent across all dimensions. A pilot study confirmed practicality in all dimensions. VAP rates decreased from 28.98 to 15.51 episodes per 1,000 ventilator days. Nurses demonstrated a 90.7 percent satisfaction score, with 58.0 percent regularly complying with the CNPG. These outcomes suggest that the CNPG effectively reduces VAP rates. Nurses should receive comprehensive training to enhance knowledge and skills, and organizational considerations should include standard staffing and updated guidelines to optimize CNPG implementation.