แนวทางการพัฒนานโยบายเพื่อความสามารถในการแข่งขันของเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด

Authors

  • ศักดา ดีเดชา

Keywords:

เขตเศรษฐกิจพิเศษ - - ไทย - - แม่สอด (ตาก), การพัฒนาเศรษฐกิจ - - ไทย - - ตาก, นโยบายเศรษฐกิจ - - ไทย - - ตาก

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางเชิงนโยบาย และการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดดำเนินการโดยใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งระดับปฐมภูมิ และทุติยภูมิ และใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสม (Mixedmethodology) โดยการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) เชิงปริมาณ (Quantitative research) ตามแนวทางการทางการวิจัยแบบการมีส่วนร่วมของประชาชน (Public participation method) โดยทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาดัชนีชี้วัด และสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จำนวน 30 คน ซึ่งประกอบไปด้วยกรรมการในคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ และกลุ่มผู้มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดทั้งในส่วนกลาง และในระดับพื้นที่ รวมถึงกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ จากนั้นนำ ผลการวิเคราะห์การสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ดีในระดับนานาชาติเพื่อนำมากำหนดประเด็นสำคัญด้านนโยบาย และแนวทางการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ตามความต้องการของทุกภาคส่วนได้จากนั้นจัดทำร่างข้อเสนอแนะแนวทางเชิงนโยบาย และการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจแม่สอดเพื่อความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ เพื่อนนำไปรับฟังความคิดเห็น (Public hearing) และวิธีการสำรวจทัศนคติสาธารณ (Public opinionsurvey) จากกลุ่มผู้มีบทบาทเกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ และกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ และนำข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็นและสำรวจทัศนคติสาธารณะไปรวบรวมประกอบการจัดทำข้อเสนอแนะในงานวิจัยผลการศึกษา พบว่ากลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ มีวัตถุประสงค์เชิงนโยบายต่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดในประเด็นที่คล้ายคลึงกัน คือ ต้องการให้เขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นกลไกในการกระจายการพัฒนาไปสู่ภูมิภาคเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทยกับประเทศเมียนมาร์ ในประเด็นที่ยังมีความเห็นแย้ง คือ ด้านการจัดการที่ดิน และแรงงานอย่างเหมาะสมในพื้นที่ ซึ่งมีข้อเสนอของภาคเอกชนบางกลุ่มต้องการให้มีการกำหนดค่าแรงงานขั้นต่ำในพื้นที่สำหรับแรงงานสัญชาติเมียนมาร์ซึ่งต่ำกว่าอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำที่ประเทศไทยกำหนด รวมถึงการนำพื้นที่ป่าไม้และป่าสงวนมากำหนดเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ในขณะที่ภาคประชาชนและแรงงานไม่เห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าว นอกจากนั้นภาคประชาชน และแรงงานยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตในพื้นที่ข้อเสนอแนะแนวทางเชิงนโยบายที่สำคัญ ได้แก่ เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดควรเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมประเทศไทยเข้ากับประเทศเมียนมาร์ วางจุดยืนร่วมในการพัฒนากับเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดีโดยอุตสาหกรรมแปรรูปขั้นต้น สำหรับสินค้าที่จำเป็นต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดีซึ่งได้เปรียบด้านต้นทุน แต่ยังต้องพึ่งพาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่มีข้อจำกัดจากประเทศไทย และเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดควรเน้นอุตสาหกรรมแปรรูปขั้นกลางหรือแปรรูปขั้นปลายที่มีมูลค่าสูงเพื่อต่อยอดจากวัตถุดิบซึ่งแปรรูปมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดี และส่งเสริมธุรกิจที่รองรับอุตสาหกรรม และการค้าระหว่างประเทศ โดยขอบเขตพื้นที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดควรกำหนดให้ครอบคลุมทั้งอำเภอโดยกำหนดประเภทธุรกิจเป้าหมายการส่งเสริมแทนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแบบล้อมรั้วมิดชิดซึ่งอาจทำให้การเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการท้องถิ่นและในประเทศค่อนข้างจำกัด และรัฐบาลกลางควรกำหนดการถ่ายโอนอำนาจการอนุญาต อนุมัติที่เกี่ยวข้องให้กับหน่วยงานในท้องถิ่น และกำหนดให้มีแนวทางการพัฒนาบริการภาครัฐ พัฒนาระดับสาธารณสุข การศึกษา สาธารณูปโภค และสันทนาการต่าง ๆ ตลอดจนควรมีแผนการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม และมลภาวะที่ดีThe objective of this research is to make the proposed policy and management in Mae Sot Special Economic Zone(SEZ). The researcher has gathered the primary and secondary data. These data are analyzed by mixed methodology,namely qualitative research, quantitative research and public participation method. The researcher has reviewed relevantliteratures in order to develop indicators, in-depth interview 30 stakeholders who consist of members in the PolicyCommittee on Special Economic Zone Development, relevant groups who drive the development in Mae Sot SEZ bothin central and local area including the local stakeholders. Then the researcher has analyzed by comparing the data ofthe stakeholders’ in-depth interview with the international best practices of SEZ development policies. The result ofsuch analysis will be used for determining main topics in policies and management in Mae Sot SEZ that reflect of allsectors’ views. Therefore, the draft of such policies and management will be presented to public hearing and publicopinion survey for getting the opinion from the relevant local groups and the local stakeholders. These opinions will beused for preparing to make the suggestions in the research.The research findings: The stakeholders have similar proposed policy in Mae Sot SEZ in term of the SEZ is amechanism for distributing development to local area and connecting Thailand and Myanmar economy. However theyhave different opinions such as the management of land and labor: one group focuses that the minimum wage in the SEZfor myanmar labor should be lower than thai labor, as well as to determine wood area and protected forests area shouldbe able to be a part of the SEZ. Another group focuses that the development of SEZ should have no bad impact on localenvironment and life quality of people in the area. The important proposed policies, as follows: Mae Sot SEZ shouldbe a center for connecting Thailand with Myanmar. To determine common development stand points with MyawaddySEZ. Primary essential processing industrial goods for Thailand economic is located in Myawaddy SEZ that has anadvantage in cost while the utilities system in Myawaddy SEZ is still depend on Thailand. Mae Sot SEZ should focuson intermediate and final processing industrial goods that have high value in order to further raw material that have beenalready processed in Myawaddy SEZ and to promote businesses that support international industry and trade. The areaof Mae Sot SEZ should cover whole District (Amphoe) and determine the category of main business of SEZ. Using thepromotion instead of the enclosed economic development that may create limited connection with local entrepreneursand thai entrepreneur. Central government should transfer relevant permit authority in SEZ to the local authority. Andcentral government should alsodetermine the development approach of public service, public health, education, publicutility, recreation, good environment and pollution plan.

Downloads