การพัฒนาธุรกิจจากกากอุตสาหกรรมน้ำผลไม้ กรณีศึกษา กากส้ม และกากฝรั่ง

BUSINESS DEVELOPMENT FROM WASTE OF FRUIT JUICE INDUSTRY CASE STUDY: ORANGE AND GUAVA WASTE

Authors

  • กัญจน์พร อริยเลิศปัญญา

Keywords:

อุตสาหกรรมน้ำผลไม้, การใช้ของเสียให้เป็นประโยชน์, ขยะอินทรีย์, ปุ๋ยจากขยะอินทรีย์

Abstract

ในปีหนึ่ง ๆ มีกากของเสียประเภทกากผลไม้จากโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปมากกว่า 400,000 ตัน ซึ่งต้องกำจัดโรงงานผลิตน้ำผลไม้บรรจุขวดเป็นตัวอย่างหนึ่ง ปัญหาสําคัญของโรงงาน คือการจัดการกับกาก ผลไม้และภาระค่าใช้จ่าย ผู้วิจัยจึงได้จัดทำโครงการวิจัยนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์จากกากผลไม้ และพัฒนาเป็นธุรกิจ ในการศึกษานี้ได้ทำการทดลองหาเวลาและอัตราส่วนความชื้นในการหมักกากผลไม้ โดยใช้กากผลไม้ เฉพาะกากส้มและกากฝรั่ง มาผสมกับมูลวัว ขี้เถ้าแกลบ และใช้สารเร่ง พ.ด.1 ของกรมพัฒนาที่ดิน เป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์ ควบคุมความชื้นที่ ร้อยละ 40, 50 และ 60 ตามลำดับ แล้วแยกบรรจุในกระสอบพลาสติกสานขนาดบรรจุกระสอบละ 30 กิโลกรัม เก็บไว้ในที่ร่ม วัดอุณหภูมิทุก 24 ชั่วโมงเป็น เวลา 20 วัน หมักซ้ำอย่างละ 3 ครั้ง แล้วเก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์คุณภาพที่ห้องปฏิบัติการกรมพัฒนาที่ดิน ส่วนการหาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเชิงธุรกิจใช้โปรแกรมงบการเงินสำเร็จรูปของสุธี พนาวร และนุกูล เรื่องอุทัย ซึ่งแนบไว้ในหนังสือ แผนธุรกิจสําหรับมือใหม่หัดเขียน (Business Plan for Beginners) ผลการวิจัยพบว่าทั้งกากส้มและกากฝรั่งสามารถหมักเป็นปุ๋ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกากส้มควรหมักด้วยความชื้นร้อยละ 50 และกากฝรั่งที่ร้อยละ 40 ส่วนการบ่มปุ๋ยควรใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 16 วัน ผลการ วิเคราะห์คุณภาพเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพปุ๋ยอินทรีย์ของกรมวิชาการเกษตร (2548) พบว่าอยู่ในเกณฑ์คุณภาพตามมาตรฐานดังกล่าว สามารถจำหน่ายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้แต่การแข่งขันสูงจึงหันมาจำหน่ายเป็นสารบำรุงดิน ในการพัฒนาเป็นธุรกิจนั้นพบว่า ต้องใช้งบประมาณการลงทุนประมาณ 7 ล้านบาท กำลังการผลิต 5 ตันต่อวันในปีที่ 1 และ 2 ส่วนปีที่ 3 4 และ 5 เพิ่มกำลังการผลิตร้อยละ 10, 15 และ 20 ต่อปี ตามลำดับ ควรตั้งราคาขายกิโลกรัมละ 15 บาทเป็นต้นไป จะมีระยะคืนทุน 4.07 ปี มีอัตราผลตอบแทนโครงการร้อยละ 33.18 ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ และมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิเท่ากับ 2.66 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในปีที่ 5 อยู่ที่ร้อยละ 31.14 There are more than 400,000 tons of fruit waste from agro industries per year, which has to be treated. Fruit juice industry is an example, the crucial problem of the industry was the management of the fruit waste and the cost. Thus this project has been proposed accordingly. The main objectives were to study the possibility to utilize fruit waste by composting and to establish a business model. The experiments were conducted, only orange and guava waste were used. They were mixed separately with manure, husk ash, and Por.Dor.1 (leavening agent from the Land Development Department) The humidity of the compost was controlled at 40,50,60%, put each into the separate woven plastic bags at approximately 30 kg. per bag, kept in shaded area for incubation, and measured the temperature at every twenty four hours for 20 day. Three replicates of samples were carried out, finally samples of the compost were taken to have the quality checked at the Land Development Department Laboratory. For the possibility study to develop a business model, the Financial Application Program supplemented in the book Business Plan for Beginners by Suthee Panavorn and Nukul Ruang-Uthai was used. It was found that both the orange and guava wastes could be effectively composted, the humidity of orange waste should be controlled at 50% and 40 % for guava. The optimum incubation period should be not less than 16 days. The quality composts of compared to the National Standard of Compost, issued by the Department of Agriculture (2005) were qualified by the standard, It can be sold as fertilizer, because of high competition it was better to be sold as soil conditioner. For the feasibility study of business development model, it was found that the minimum size of industry should be at least 5 tons production per day in the first and second year, and the increase was estimated at 10, 15 and 20 percent each year respectively, Expenditure for this project was 7 million Baht, price should be 15 Baht per kilogram, the Payback Period should be 4.07 years, the Internal Rate of Return (IRR) 33.18% which was higher than the commercial bank average fixed interest rate and the Net Present Value (NPV) of the total project cost 2.66 million Baht, the Net Profit Margin for the fifth year 31.14%

Downloads

Published

2024-02-15