ผลกระทบของธุรกิจโรงแรม จากการผันแปรสภาพภูมิอากาศ บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกของประเทศไทย โดยบูรณาการเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและแบบจำลองพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ

Abstract

          บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างแผนที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติประกอบไปด้วยแผนที่เสี่ยงต่อการกัดเซาะชายฝั่ง แผนที่เสี่ยงต่อฝนตกหนักในฤดูมรสุม และแผนที่เสี่ยงเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย และ 2) ประเมินผลกระทบของธุรกิจโรงแรมจากการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติโดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสานวิธีระหว่างการประยุกต์เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ แบบจำลองศักยภาพเชิงพื้นที่ และการวิจัยเชิงปริมาณ โดยได้ทำการเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างจากโรงแรมที่ถูกประเมินในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติระดับสูงสุดของแต่ละประเภท จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 109 โรงแรม ในการประเมินผลกระทบของธุรกิจโรงแรมภายใต้สภาวะการเกิดภัยพิบัติที่เชื่อมโยงต่อการผันแปรสภาพภูมิอากาศของภาคตะวันออกของประเทศไทย ผลการวิจัยพบว่าบริเวณที่เสี่ยงต่อการกัดเซาะชายฝั่งมีความยาวการกัดเซาะประมาณ 217 กิโลเมตร พื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักในฤดูมรสุมระดับสูงมีพื้นที่ประมาณ 1,076 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่เสี่ยงอุกภัยระดับสูง มีพื้นที่ประมาณ 993 ตารางกิโลเมตร เมื่อวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกิจโรงแรมแถบชายฝั่งทะเลตะวันออกจากการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ พบว่าโรงแรมกลุ่มตัวอย่างได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักในฤดูมรสุมมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 𝑥̅= 3.05) รองลงมาเป็นผลกระทบจากการกัดเซาะ ชายฝั่ง (ค่าเฉลี่ย 𝑥̅= 2.42) และอันดับสุดท้ายเป็นผลกระทบจากอุทกภัย (ค่าเฉลี่ย 𝑥̅= 2.27) โดยข้อมูลจากผลการศึกษาและการประยุกต์ภูมิสารสนเทศและการวิจัยเชิงปริมาณสามารถเป็นเครื่องมือที่เปี่ยมประสิทธิภาพและนำไปประยุกต์หาแนวทางการปรับตัวด้านการตลาดให้เหมาะสมและสอดคล้องกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการผันแปรสภาพภูมิอากาศในแถบชายฝั่งทะเลตะวันออกของประเทศไทย           The aims of this research is to 1) Developing of the natural disaster risk maps including coastal erosion, heavy raining (monsoon period) and flooding disasters 2) Evaluating the impact on hotels business using integrating of geo-informatics, natural disasters model and qualitative research. The total number of 109 hotels were sampled and located in highest risk class of their 3 disasters with obtained by the spatial disasters model developed. Then, the impacting of hotel business was evaluated under scenario of climate variability transforming to natural disaster in Eastern Coast of Thailand. The research founds the area of coastal erosion disaster is shown around 217 km, while the area of heavy raining disaster is shown around 1,076 km2 , and the area of flooding disaster is shown around 993 km2. For the evaluating of impact on hotel business from natural disasters, the first ranked is heavy raining disaster (monsoon period) with highest impacted (mean = 3.05) while the second ranked is the coastal erosion disaster (mean = 2.42) and third rank is the flooding disaster. These result obtained by integrating of geoinformatics and qualitative research can potentially be power toll and useful in the marketing adaptation on suit strategic planning for impact on climate variability of hotel business in Eastern coast of Thailand.