การศึกษาเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของโมเดลวินิจฉัยเชิงจําแนกในการวินิจฉัยทักษะความสามารถทางพุทธิปญญา

Authors

  • สุมาลี มีสกุล
  • องอาจ นัยพัฒน์
  • ชูศักดิ์ ขัมภลิขิต
  • สุวิมล กฤชคฤหาสน์

Keywords:

ปัญญา, การวินิจฉัยเชิงจำแนก, การแก้ปัญหาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบประสิทธิภาพของโมเดลที่นํามาใชในการวินิจฉัย ทักษะความสามารถทางพุทธิปญญา ในการแกปญหาเรื่องสมการเชิงเสนตัวแปรเดียวของนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนตนรวมทุกระดับชั้น และกลุมของนักเรียนที่มีระดับชั้น เพศ และแผนการเรียน แตกตางกัน วิธีดําเนินการวิจัยไดนําแบบทดสอบที่ใชในการประเมินเพื่อวินิจฉัยทักษะความสามารถทางพุทธิปญญาของ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนตน ในการแกปญหาเรื่องสมการเชงิเสนตัวแปรเดียว ซึ่งพัฒนาขึ้นดวยวิธีการตาม แนวคิดของ Embretson’s Cognitive Design System Approach (CDS Framework) ไปใชสอบกับนักเรียน จํานวน 1,214 คน และทําการวิเคราะหขอมูลเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของโมเดลการวินิจฉัยเชิงจําแนก คือ G–DINAModelและ DINAModel ตามตัวแปรปจจัยที่สงผลตอความแตกตางของความสามารถในการใชทักษะ ทางพุทธิปญญาเพื่อการหาคําตอบของปญหา ผลการวิจัยปรากฏวา G–DINAModelเปนโมเดลที่ใหคาดัชนีความ สอดคลองของโมเดลในเชิงสัมบูรณและคาดัชนีความสอดคลองของโมเดลในเชิงสัมพัทธต่ํากวาคาที่ไดจาก DINA Model ในทุกเงื่อนไขของการวิเคราะห แสดงใหเห็นวา G–DINA Model เปนโมเดลที่ใหประสิทธิภาพในการ วิเคราะหขอมูลในเชิงการวินิจฉัยดีกวา DINA Model ทั้งการวิเคราะหกับกลุมนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ตอนตนรวมทุกระดับชั้น การวิเคราะหกับกลุมของนักเรียนที่มีระดับชั้น เพศ และแผนการเรียน แตกตางกันThe main purpose of this research study was to compare the efficiency of diagnostic classification modelsforusing todiagnose the lower secondary schoolstudents’ cognitive skills in solving the linear equation problems. The diagnostic test, which was developed by using Embretson's Cognitive Design System Approach (or CDS framework), was used to administer 1,214 lower secondary school students. Data from the assessment were analyzed by using two diagnostic classification models, G–DINA and DINA model in the four conditions. The first condition, all data were analyzed by G–DINA and DINA model. The second condition, the data were classified in three groups of student’s level (1st grade, 2rd grade, and 3nd grade). The third condition, the data were classified in two group of student’s gender (male and female). The fourth condition, the data were classified in two group of student’s academic plan (sciences–mathematics plan and general plan).The results showedthe absolute fit index and the relative fit index of G–DINA modelwas lower than these ofDINA modelwas in all conditions, thereforeG–DINA modelwas more effective model to analyze the data thanDINA model.

Downloads